เมนูอาหารเจ เทศกาลกินเจ

รวบรวม...เมนูอาหารเจอร่อยๆ สูตรอาหารเจง่ายๆ

คลิ๊กเลย >>> รวบรวมเมนูอาหารเจ..อร่อยๆ   สอนทำอาหารเจง่ายๆ

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

จากวัวไปสู่ผู้ตรวจการ - เรื่องเล่าขานกฏแห่งกรรม ใครกำหนด ชุดที่ 4


จากวัวไปสู่ผู้ตรวจการ


ในรัชสมัยเจียจิ้ง ราชวงศ์หมิง ที่อำเภอคุนหมิง มณฑลยูนนาน ชายผู้หนึ่งชื่อเจ้าอู่ มีอาชีพฆ่าวัว ทั้งนิสัยก็ดุร้ายเกเรจนพ่อแม่ต้องตรอมใจตาย ไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมแต่งงานกับเขาจนบัดนี้เขาอายุสามสิบกว่าแล้ว

วันหนึ่ง เจ้าอู่ซื้อวัวแม่ลูกมาได้คู่หนึ่ง วันรุ่งขึ้นก็เตรียมฆ่าแม่วัวไปขาย เขาผูกมัดแม่วัวจนแน่นหนา แต่เห็นว่ามีดไม่คมพอจึงเอาไปลับ ขณะที่ลับมีดอยู่ก็แว่วเสียงคนเรียกที่หน้าประตูบ้าน จึงวางมีดไว้เดินไปดู พอกลับเข้ามาปรากฏว่ามีดที่วางไว้หายไป ถามคนในบ้านก็ได้รับคำตอบว่า "ไม่มีใครเดินไปตรงนั้นเลย นอกจากลูกวัวตัวเดียว"

เจ้าอู่เที่ยวหาทั่วบริเวณนั้น จึงพบว่ามีดถูกนำมาซ่อนไว้ในซอกหิน เขาคิดว่า จะเป็นไปได้หรือที่ลูกวัวแอบเอามาซ่อนจึงอยากจะทดลองดูอีกที เขาเอามีดวางไว้แล้วแอบไปดูอยู่หลังพุ่มไม้ เงียบเสียงคน เจ้าอู่เห็นลูกวัวเดินมาคาบมีดไปซ่อนไว้ที่ซอกหินจริง ๆ

เจ้าอู่สะท้อนใจ เขาสัมผัสได้ถึงความความกตัญญูที่ลูกวัวมีต่อแม่ของมันทันที เดรัจฉานแท้ ๆ แต่มีจิตใจเหนือกว่าเขาเสียอีก

เจ้าอู่สะท้อนอยู่ในอก เขาออกจากพุ่มไม้ จูงวัวสองแม่ลูก ตัดสินใจมุ่งสู่ภูเขาหัวซันทันที

บนพุทธบรรพตหัวซัน เป็นสถานบำเพ็ญของพระอาจารย์ซิ่งคง อายุเจ็ดสิบกว่าพรรษา ท่านทราบด้วยญาณว่า อะไรทำให้เจ้าอู่เดินทางมาถึงที่นี่ ท่านยินดีรับเขาไว้ให้บวชเรียน

เจ้าอู่สำนึกในบาปกรรมที่ทำมา ฉะนั้นเวลาสวดมนต์กราบพระ เขาจึงโขกศีรษะลงกับพื้นแรง ๆ เพื่อขอขมากรรม จนไม่นานต่อมาหน้าผากของเขาเป็นเนื้อนูนกลมใหญ่ เมื่อมีเวลาว่าง เจ้าอู่จะพาวัวแม่ลูกไปเลี้ยงให้กินหญ้าด้วยตัวเอง คราใดที่พระอาจารย์เทศนาหรือสวดมนต์ภาวนาวัวแม่ลูกจะมาหมอบนั่งฟังอยู่เหมือนรู้ความ

สามปีต่อมาแม่วัวตาย พระอาจารย์สั่งให้นำศพไปฝังไว้เชิงเขาฝั่งซ้าย ทุกวันวัวจะเดินไปหาแม่ที่หลุมฝังศพ ส่งเสียงร้องวังเวงวันละหลายครั้ง พร้อมกับใช้เขาขวิดดินบริเวณนั้นจนหลุมฝังศพของแม่วัวพูนขึ้นเป็นเนินสูง เวลาผ่านไปจนถึงปีที่เจ็ด

วันหนึ่ง พระอาจารย์ก็เรียกเจ้าอู่เข้ามาพบแล้วบอกให้ลงไปที่เชิงเขา ว่ามีใครคนหนึ่งจะมาสู่หนทางบุญ เจ้าอู่เหลียวดูจนทั่วบริเวณเชิงเขา ไม่เห็นมีใครเลยนอกจากขอทานตัวน้อย ๆ คนเดียว จึงพาขึ้นมากราบพระอาจารย์

พระอาจารย์จัดการบวชให้เด็กขอทานคนนั้น ให้เจ้าอู่เป็นอาจารย์อุปัชฌาย์ เจ้าอู่แอบถามความนี้จากอาจารย์ก็ได้ทราบว่า...

เณรผู้นี้ชาติก่อนโน้นเป็นคนร้อยเล่ห์ หลอกลวงเงินทองเขามากมาย ตายแล้วจึงเกิดเป็นวัวในบ้านเจ้าหนี้ใช้แรงกายคราดไถอยู่หลายปีในที่สุดก็ถูกนำไปขาย เท่ากับได้ใช้หนี้จนครบต้นครบดอก และชะตากรรมกำหนดไว้ว่าจะต้องตายด้วยคมมีด แต่เคราะห์ดีที่เจ้าอู่กลับไว้ชีวิต อีกทั้งได้เข้าวัดฟังธรรม เมื่อจบชีวิตความเป็นวัวไป พญายมตรวจสอบบาปบุญแล้วจึงกำหนดให้เกิดเป็นคนใหม่ และให้เข้าวัดตั้งแต่น้อย หากชาตินี้บำเพ็ญดีก็จะพ้นหนี้กรรมที่เคยทำไว้ในอดีตชาติ

ในชาตินี้เขาเกิดเป็นลูกบ้านตระกูลเหมา ตอนที่เขาเกิดพ่อแม่อายุเกือบสี่สิบแล้ว ฐานะครอบครัวก็ยากจนพออายุได้สามขวบพ่อก็ตาย อายุห้าขวบแม่ตาย จึงได้เร่ร่อนขอทานมาถึงเชิงเขา แล้วพระอาจารย์ก็ใช้ให้เจ้าอู่ลงไปนำตัวขึ้นมาบวชเณร

ฝ่ายลูกวัวอยู่ที่วัดพอเห็นเณรน้อยเข้าก็ดีใจ เหมือนรู้จักกันมานาน เดินตามติดอย่างสนิทสนม
เมื่อเณรน้อยลงไปหาบน้ำที่เชิงเขาวัวก็ตามไปด้วยพอเณรจะเอาไม้คานใส่บ่า วัวก็เข้ามาช่วยหาบเสียเองเป็นอย่างนี้เรื่อยมา จนไม่ช้า หลังวัวที่เคยราบเรียบ ก็กลายเป็นโหนกรองรับไม้คานได้พอดี หน้าที่หาบน้ำซึ่งเป็นของเณร วัวก็รับไปทำเสียเอง ชาวบ้านที่เชิงเขาต่างอนุโมทนา ช่วยกันตักน้ำใส่ถังให้วัวหาบขึ้นมา

หลายปีต่อมาวันหนึ่งพระอาจารย์ก็ขึ้นธรรมาสน์เรียกลูกวัวเข้ามาฟังพระโศลกว่า...

เจ้าสร้างกรรมทำบาปชาติก่อนกาล
ต้องเป็นเดรัจฉานใช้หนี้ในชาตินี้
บำเพ็ญพ้นเบื้องบนเหนือโลกีย์
คนรู้ดีเหนือเบื้องบนมีหนทาง
จะชั่วดีอยู่ที่ตนจะทำตน
กรรมวกวนแน่นักจักสนอง
ใครรู้แจ้งกฏแห่งกรรมเป็นทำนอง
จะเปลี่ยนสองดินฟ้า ณ บัดนี้

สิ้นคำ พระอาจารย์ก็ยกแส้ขึ้นโบกแล้วบอกลูกวัวว่า "ไม่ไปเมื่อนี้แล้วจะไปเมื่อไร"

พอได้ฟัง ลูกวัวก็ยืนขึ้นโค้งคำนับพระอาจารย์ คำนับเณรและเจ้าอู่แล้ว ก็หงายท้องร้องเสียงดังอำลาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วขาดใจตายตรงนั้น

พระลูกวัดเห็นเป็นที่อัศจรรย์ จึงพากันเรียนถามพระอาจารย์ ท่านตอบว่าความลับของสวรรค์มิอาจเปิดเผยได้ อีกยี่สิบปีภายหน้าจะได้รู้กัน

วิญญาณของลูกวัวเดินทางไปสู่ยมโลก เมื่อพญายมเปิดสมุดบาปบุญของลูกวัวออกดูก็ปรากฏอักษรคำว่า "กตัญญู" ตัวใหญ่เด่นชัดขึ้นมา พญายมรีบลุกขึ้นจากบัลลัง-อาสน์ ตรงเข้ามาคารวะลูกวัวพร้อมกับกล่าวสดุดีว่า "อนุโมทนา" พลางหันไปสั่งเทพบุตรซิงอีถงจื่อ ให้ส่งวิญญาณของลูกวัวไปเกิดที่บ้านนักบุญหวัง เมืองหย่งคัง มณฑลยูนนานทันที

ฝ่ายภรรยาของนักบุญหวัง ในคืนนั้นก็ได้ฝันไปว่าถูกลูกวัวตัวหนึ่งวิ่งชน เช้าวันรุ่งขึ้นก็คลอดบุตรออกมาเป็นชายมีตำหนิตรงกลางหลังเป็นโหนกเนื้อเหมือนรูปพระจันทร์เสี้ยว

นักบุญหวังตั้งชื่อลูกชายว่า หวังฝู

หวังฝูมีลักษณะหน้าตาดี ปัญญาปราดเปรื่อง อายุสิบหกก็สอบได้เตรียมบัณฑิต ต่อมารับราชการได้เป็นถึงข้าหลวง ผู้ตรวจการ มณฑลเสฉวน ซึ่งจะต้องเดินทางผ่านพุทธบรรพตหัวซัน

สามวันก่อนหน้าที่ขบวนของหวังฝูผู้ตรวจการจะผ่านมาทางหัวซัน พระอาจารย์ ได้สั่งให้ทำความสะอาดวัดกันไว้ล่วงหน้าแล้ว เมื่อขบวนของผู้ตรวจการเดินทางมาถึงเชิงเขา ท่านก็สั่งการทหารผู้ติดตามให้พักขบวนไว้ ท่านเองจะขึ้นไปชมหัวซัน พระอาจารย์ ได้นำคณะศิษย์พร้อมกันออกมาต้อนรับผู้ตรวจการ และนำชมสถานที่ต่าง ๆ ในวัด

ผู้ตรวจการรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นสถานที่อย่างบอกไม่ถูกจึงเรียนถามพระอาจารย์ว่า "ท่านบวชอยู่บนนี้กี่ปีแล้ว" พระอาจารย์ตอบว่า "อาตมาอายุ 122 ปี ออกบวชเมื่ออายุได้สิบสองอยู่บนภูเขานี้มาหนึ่งร้อยสิบปี อาตมาคอยผู้ตรวจการมายี่สิบปีแล้ว"

ผู้ตรวจการรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาพระอาจารย์ยิ่งนัก จึงกราบขอให้ท่านได้เปิดเผยข้อมูลถึงเหตุที่ท่านต้องรอคอย

พระอาจารย์ขอให้คนอื่น ๆ ออกไปจากที่นั่น กล่าวขออภัยหากจะมีคำพูดใดล่วงเกินต่อผู้ตรวจการ (พระอาจารย์เห็นอดีตชาติ แต่ผู้ตรวจการเห็นแต่อัตตาตัวตนที่เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่อยู่ขณะนี้ จึงอาจเกิดความไม่พอใจได้)

ชาติแรกที่จะกล่าวถึง ท่านมีฐานะเป็นบัณฑิตแต่ไม่คิดใฝ่ก้าวหน้า ชอบใช้เล่ห์มายา ฆ่าคนด้วยพู่กัน เข้านอกออกในราชฐาน รังควานกดขี่คนยากไร้ เป็นที่สาปแช่งของคนทั้งหลาย เมื่อตายตกนรกไปพญายมก็ลงทัณฑ์ให้เกิดเป็นเดรัจฉาน คือวัว

แล้วพระอาจารย์ก็เล่าถึงว่า ลูกวัวตัวนั้นกตัญญูรู้จักคาบมีดไปซ่อนเพื่อช่วยชีวิตแม่ไว้ การกระทำของลูกวัวมีผลให้คนบาปกลับตัว พาวัวแม่ลูกมาบำเพ็ญที่หัวซันนี้อย่างไร

ผู้ตรวจการถึงกับยืนขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อพระอาจารย์เล่ามาถึงตรงนี้ ท่านละล่ำละลักว่า "มิน่าเล่า ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราฝันเกือบทุกคืนว่าได้ขึ้นมาเขาหัวซัน บัดนี้แม่วัวของเรายังมีชีวิตอยู่หรือไม่"

พระอาจารย์จึงเล่าต่อไป ถึงแม่วัวที่ตายแล้วไปเกิดใหม่ยากจนกำพร้ามาเป็นขอทานท่านให้บวชเป็นสามเณร และด้วยจิตสำนึกในความกตัญญู ลูกวัวก็เหมือนจะรู้อีกว่าเณรน้อยคือแม่วัวของตัวมาเกิดใหม่ จึงรับใช้หาบน้ำแทน

พูดถึงตรงนี้ ผู้ตรวจการก็แย้งว่า "วัวมีสันหลังเรียบจะหาบน้ำได้อย่างไร"

พระอาจารย์จึงได้อรรถาธิบายต่อไปว่า "เมื่อกุศลจิตแรงกล้าเหตุปัจจัยแห่งกุศลกรรมจะสนองรับ ด้วยความกตัญญูอันแรงกล้าของลูกวัวสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นในไม่ช้า และคิดว่าโหนกเนื้อนั้นอาจจะติดตัวมาเมื่อเกิดเป็นคนด้วย"

ผู้ตรวจการอุทานด้วยความตกใจว่า "คนบาปที่ต้องเกิดเป็นเดรัจฉาน ถ้าไม่กตัญญูไม่รู้ว่าจะต้องรับกรรมไปอีกนานเท่าไหร่"

พระอาจารย์พยักหน้า แล้วเล่าต่อไปว่า

"ชาตินี้ลูกวัวเกิดเป็นคน ก็คือท่านนั่นเอง ไม่ทราบว่าท่านมีโหนกเนื้ออยู่กลางหลังหรือเปล่า" ผู้ตรวจการมือสั่นเทาถอดเสื้อเปิดหลังให้พระอาจารย์ดู ปรากฏว่าโหนดเนื้อเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเหมือนที่เกิดขึ้นบนกลางหลังลูกวัวไม่มีผิด กฏแห่งกรรมที่ปฏิเสธไม่ได้นี้ ไม่เฉพาะที่พระอาจารย์เล่าให้ฟังแต่ผู้ตรวจการเองก็สัมผัสความเป็นจริงทั้งหมดได้ ท่านก้มลงกราบแทบเท้าพระอาจารย์

พระอาจารย์ได้โปรดให้โอวาท ขอให้เป็นขุนนางใจซื่อมือสะอาดให้เว้นจากกรรมทั้งปวง

ผู้ตรวจการขอพบแม่วัวซึ่งบัดนี้คือพระเหล่าเหมา ขอพบเจ้าอู่คนฆ่าวัวซึ่งเปลี่ยนชะตาชีวิตทั้งของตนและวัวแม่ลูก แต่พระอาจารย์กำชับมิให้แพร่งพรายความลับสวรรค์นี้ให้คนทั้งสองรู้

ผู้ตรวจการถวายเงินจำนวนหนึ่งบำรุงวัด แล้วมนัสการลา ต่อมาท่านได้ลาออกจากราชการ กลับไปอยู่บ้านปรนนิบัติบิดามารดา เมื่อสิ้นผู้มีพระคุณทั้งสองแล้ว ก็เดินทางมาขอบวชเรียนอยู่กับพระอาจารย์

สำหรับเจ้าอู่ ครั้งหนึ่งของชีวิตตอนต้น เคยเป็นคนฆ่าวัวใจบาปหยาบช้า ต่อมาได้ถือบวชบำเพ็ญบุญ เขาจะต้องเวียนว่ายเกิดกายเป็นเดรัจฉานชดใช้กรรมชาติหนึ่งก่อน แล้วจึงไปเกิดกายเป็นลูกชายนักบุญจาง

วันที่เขาเกิด นักบุญจางเห็นพระรูปหนึ่งเข้ามาในบ้าน เมื่อเกิดมาบนหน้าผากมีเนื้อนูนกลมใหญ่ เขาได้ชื่อว่าจางซู่ มีความรุ่งเรืองในชีวิต เป็นถึงเตรียมบัณฑิตหลวง

ไม่นานต่อมา พระอาจารย์ก็ได้บัญชาให้ พระหวังฝู (อดีตผู้ตรวจการ) ไปนำพาจางซู่มาบวชบำเพ็ญ เป็นอันได้ตอบแทนคุณแก่กันไปในครั้งหนึ่ง

...................................................................................................................................................

ที่มาของบทความ จากหนังสือใครกำหนด ชุดที่ 4  โดย อาจารย์ศุภนิมิต ผู้แปลและเรียบเรียง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม