"โปรดตนเองให้เป็นพระ"
พระโอวาทพระโพธิสัตว์กวนอิมเมตตาประทาน
ถึงแม้นเรา(พระโพธิสัตว์กวนอิม)จะมีความตั้งใจโปรดสัตว์ก็ตาม แต่ผู้คนหลงระเริง ไม่ยอมตัดความอยากมาฝึกฝนตัว ดังนั้นยิ่งจมยิ่งลึก ทะเลทุกข์ไหลไปเรื่อยๆ หลงอยู่ในทางสามแพร่ง ไม่อาจสำเร็จเป็นพระพุทธะได้ มีคำกล่าวว่า "พระไม่สามารถโปรดคนได้ คนต่างหากที่จะโปรดตนเอง" เพื่อหนังสือ "วงเวียนกรรมของสัตว์โลก" จึงจะแนะทาง "โปรดตนเองให้เป็นพระ"
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ผู้คนในโลกนี้ชอบกินเนื้อผู้อ่อนแอกว่า คนชอบแก่งแย่งกัน สัตว์เดรัจฉานก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากคนไม่ยอมปล่อยสัตว์ กินเลือดกินเนื้อสัตว์เพื่อดำรงชีวิต ดังนั้น นิสัยคนและสัตว์จึงผสมกัน เลือดลมของคนและสัตว์ไม่อาจเข้ากันได้ จึงเป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆ... ดังนั้น คนที่กินเนื้อสัตว์ สัญชาติของคนและสัตว์จึงปะปนกัน ไปทำลายจิตใจจนคนไม่เหมือนเก่า จึงพบหน้าคนใจสัตว์เต็มไปหมด จะเห็นได้จากคนที่เจริญแล้วในสังคม แต่กระทำในสิ่งที่ป่าเถื่อน บาปกรรมสร้างสมกันมา คนก็เริ่มเบียดเบียน ถิ่นที่อยู่ของสัตว์ ทำอันตรายต่อชีวิต ดังนั้น คนจึงลดฐานะลงจนจิตใจอยู่ในระดับเดียวกับพวกสัตว์ ยังความห่างไกลจากหนทางสู่ความสำเร็จของพุทธะไป
หากต้องการกลับไปสู่หนทางของพระอริยะเจ้าก็ต้อง ถือศีล กินเจ ปลดปล่อยชีวิตสัตว์ เพื่อชำระจิตใจให้สะอาด และยังต้องช่วยเหลือให้สัตว์เหล่านั้นสำเร็จธรรมด้วย หากกระทำเช่นนี้ได้ แน่นอนทีเดียวเราก็ใกล้สำเร็จความเป็นพระได้เช่นกัน
ข้อ ๑. งดการฆ่า...สัตว์มีวิญญาณ มีเลือดเนื้อน้ำตา มีเจ็บปวดทรมานและมีจิตใจ โดยใช้จิตเมตตาธรรมและความกรุณา จึงทนดูการฆ่า ไม่ได้ ปราชญ์เมิ่งจื้อกล่าวว่า “สุภาพชนต้องอยู่ห่างครัวไฟ” นั่นคือไม่อยากให้มีการฆ่า ไม่อยากเห็นการฆ่า...มนุษย์มีจิตรักสัตว์ ระหว่างคนด้วยกันจะไม่มีการต่อสู้ฆ่าฟันกัน ฉะนั้น การงดเว้นการฆ่าสัตว์จึงเป็นพื้นฐานหล่อเลี้ยงจิตใจ คนให้เกิดความเมตตากรุณา
ข้อ ๒. งดการกิน...เมื่อไม่ฆ่าแล้วก็ต้องไม่กิน เนื่องจากไม่กินเป็นผลให้คนฆ่าน้อยลงหรือเลิกฆ่า พวกพืชผักมีคุณค่าเพียงพอสำหรับมนุษย์และไม่มีอันตราย เนื่องจากพวกสัตว์ไม่มีการชำระร่างกาย พวกเชื้อโรคจึงเข้าอาศัยอยู่ได้ง่าย คนที่กินเนื้อก็จะได้รับเชื้อโรคทำให้เกิดโรคร้ายเนื้องอก มะเร็งต่างๆ ได้สารพัด แพทย์ก็จนปัญญาที่จะรักษา ในที่สุดก็ต้องทิ้งสังขารนี้ไป
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่กินเนื้อก็มักจะได้รับการก่อกวนจากวิญญาณสัตว์ ทำให้จิตของคนทุกวันนี้ไม่ปกติสุข ซึ่งทำให้โรคภัยไข้เจ็บทวีขึ้น จึงอยากให้ชาวโลกเลิกทานเนื้อสัตว์ หันมากินพืชผักธรรมชาติ ถึงแม้อยู่ในทำเลที่ไม่สะดวก การกินอาจจะขัดสน แต่จิตใจก็ไม่หลอกลวงทุจริตและปล้นจี้เกิดขึ้น
ข้อ ๓. ปลดปล่อยสัตว์...เมื่อสามารถงดเว้นการฆ่าสัตว์แล้ว งดการกินเนื้อสัตว์ได้แล้วแต่ก็ยังไม่พอ เพราะยังมีสัตว์พวก นก ปลา และเต่า ที่ยังถูกฆ่าอีกจำนวนมากมาย เพื่อให้จิตเกิดความเมตตา ควรซื้อหาสัตว์มาปล่อยให้มันมีชีวิตอิสระ เป็นการช่วยเหลือให้พ้นจากการถูกคุมขัง รอดจากการสังหาร สัตว์เหล่านี้จะรำลึกถึงบุญคุณโดยไม่อาจบรรยาย
การที่พวกมันต้องไปเกิดเป็นสัตว์นั้นก็ล้วนมีสาเหตุเกิดจากทำบาปหนักตั้งแต่ชาติก่อน โดยเฉพาะละเมิดศีลข้อหนึ่งคือ เว้นจากการเบียดเบียนเข่นฆ่าสัตว์ ควรได้รับโทษประหาร แต่ผู้ที่มีเมตตาจิตควรอโหสิกรรมให้พวกมันเสีย นับประสาอะไรที่มันก็ไม่ได้ทำอันตรายเรา และไม่มีความสามารถด้วย มนุษย์สามารถปล่อยสัตว์ต่อเมื่อทรวงอกเต็มไปด้วยเมตตาจิต และพร้อมกันนั้นยังเป็นการฝึกนิสัยความมีมานะอดทนด้วย
งดฆ่าสัตว์ งดกินเนื้อสัตว์ แต่ให้ปล่อยสัตว์ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นแบบฝึกฝนสำหรับผู้บำเพ็ญเพียร เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ ชำระวิญญาณให้ใสสะอาด
วิธีช่วยให้สัตว์เดรัจฉานได้ฝึกฝนธรรมะนั้นคือ ช่วยกันพิมพ์หนังสือธรรมเผยแพร่ ("วงเวียนกรรมของสัตว์โลก") ทำให้คนมีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจสัตว์ ยังสามารถรู้ถึงความรู้สึกในใจของสัตว์อีกด้วย เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสสร้างความดีเพื่อลบล้างความผิด แท้จริงสัตว์ก็คือคนเวียนมาเกิดนั้นเอง เขาก็มีสิทธิที่จะมีชีวิตดำรงอยู่ในโลกเช่นเดียวกับเรา
ด้วยเหตุนี้ จึงจะระงับอารมณ์ ความโหดร้ายทารุณลงได้ เพื่อให้โลกมนุษย์นี้กลับกลายเป็นสุขาวดีแดนพุทธเกษตร มนุษย์และสัตว์ อยู่กับอย่างสันติสุข เพื่อเพื่อนมนุษย์เพื่อผู้อื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะเกิดความร่มเย็นกันถ้วนหน้า เป็นแดนบริสุทธิ์ในโลก มนุษย์ก็เท่ากับสมความตั้งใจของโพธิสัตว์ที่จะโปรดสรรพสัตว์ให้หมดโลกก่อนเข้าสู่นิพพาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น