โอวาทพญามาร อาซิวหลัวหวัง
ชั้นชิงโข่วปัน วันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๔ พ.ศ. ๒๕๓๙ ณ พุทธสถาน ผู่เอวี้ยน กรุงเทพฯ
พญาอสูรสอบญาณต้นกล้าอ่อน
ผู้บำเพ็ญจิตสั่นคลอนมารเข้าแทรก
คือมวลมารฤๅพุทธาเท็จจริงแยก
เมื่อมารแทรกกลางใจเจ้าก่อกรรม
ข้า คือ อาซิวหลัวหวัง จอมมารแห่งธรรมกาลยุคขาว รับบัญชา
พระแม่องค์ธรรม ลงสู่โลกา แฝงกายบทมาลย์
พระอนุตตรธรรมเจ้า
พญามาร : ไม่มีข้า (ทดสอบ) เจ้าก็ยากที่จะสำเร็จธรรม... เมื่อมีข้า เจ้าก็จะพบเจอกับความยากลำบากมากมาย
จอมมารอย่างข้ามาก็เพื่อทดสอบคนที่ทานเจเช่นเจ้าทุกคนที่นั่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้... หน้าที่ของข้าคือการฉุดเจ้าให้ตกต่ำ... ทำให้เจ้าสั่นคลอนได้มากเท่าไหร่ เข้าก็จะมีบุญกุศลได้มากเท่านั้น แค่เพียงจิตของเจ้าสั่นคลอน มารก็จะเข้ามาผจญ ก่อกวนให้เจ้ายากควบคุมตน ให้เจ้าหลุดไปจากกระแสของการบำเพ็ญปฏิบัติ ชอบจอมมารอย่างข้าหรือไม่ ?
นักเรียนในชั้น : ไม่ชอบ !
พญามาร : ใครชอบข้ายกมือขึ้น ! ข้าจะมอบบัลลังก์ให้เจ้านั่ง ไม่ต้องบำเพ็ญให้ลำบากเช่นนี้ ข้าสามารถแบ่งภาคได้นับร้อยพันล้านร่าง ข้ามาก็เพื่อทดสอบปัญญาของพวกเจ้า ถ้าติดตามข้า ข้าจะทำให้เจ้าสำเร็จมรรคผลพุทธะเอาใหม?
นักเรียนในชั้น : ไม่เอา!
พญามาร : จอมมารอย่างข้าชอบที่สุดก็คือ...
คนที่หันหลังให้ธรรมะ...
คนที่บำเพ็ญยึดติดบุคคล...
คนที่ไม่เคารพอาจารย์ไม่เทิดทูนธรรมะ...
ตามข้ามาให้หมด อย่าดูแคลนข้า ข้าสามารถทำให้เจ้ากลับคืนเบื้องบนได้ ทำไมเจ้าไม่ตามข้ามาล่ะ? หากเจ้าตามข้ามา เจ้าก็จะได้เป็นสมุนของข้า ตาเนื้อของเจ้าไม่อาจมองเห็นว่าในมือของข้านี้กำลังถืออะไรอยู่? ในมือของข้าเต็มไปด้วยเพชรนิลจินดาทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงลาภยศ ข้าชอบที่สุดก็คือคนที่โลภในชื่อเสียงลาภยศ ไม่บำเพ็ญอย่างแท้จริง ใครไม่ต้องการนั่งอย่างลำบากเช่นนี้บ้าง?
นักเรียนในชั้น : ไม่มี !...
พญามาร : ถ้าตามข้าเจ้าปรารถนาอะไรก็จะได้ดังหวัง ข้าจะทำให้ความฝันของเจ้าเป็นจริง
คนที่อยากรู้อยากเห็น ข้าชอบนัก
คนที่มักมากในกาม ข้าสามารถทำให้เจ้าได้พบกับสิ่งที่เจ้าต้องการ
โอกาสมีไม่มากนัก ใครต้องการยกมือขึ้น! เจ้าทั้งหลายจงฟังข้า อย่าได้ฟังอาจารย์เตี่ยนฉวนซือ ไม่ต้องลำบากนั่งฟังธรรมะอยู่ที่นี่หรอก ข้าจะให้เจ้าเป็นหัวหน้ามารเอาไหม?นักเรียนในชั้น : ไม่เอา!
พญามาร : ข้าเป็นถึงพญามาร มาที่นี่ก็นานแล้ว ไม่เห็นมีใครเอาน้ำหรือเก้าอี้มาให้นั่งเลย
อาจารย์เตี่ยนฉวนซือ : ก็เพราะว่าท่านคือ พญามาร !
พญามาร : เจ้าดูสิ! พวกเขาต่างมีปัญญา
คำกล่าวของข้าแต่ละคำ ล้วนทดสอบเจ้าทั้งนั้น (ตอนนี้พญามารต้องการเก้าอี้และน้ำ แต่ไม่มีใครเอามาต้อนรับ )
พญามาร : อืม ! ไม่ผิดเลยที่เป็นศิษย์ของจี้กง ใจธรรมแกร่งนัก...
ทำให้ลูกหลานมารของข้าทั้งสองด้านไม่อาจเข้ามาผจญได้ คนบำเพ็ญเยี่ยงเจ้ามีเมตตาไม่ใช่หรือ? ทำไมแค่เพียงเก้าอี้กับน้ำสักแก้วยังไม่มี?
ข้าชอบคนที่ทุศีลเจแตกนัก ใครว่าอะไรก็เชื่อเขา
อีกทั้งคนที่ไม่ปฏิบัติตามพุทธจริยระเบียบ ไม่เคารพอาจารย์ ไม่เทิดทูนธรรมะ
ขอให้รู้ไว้ว่า ข้าอยู่ข้างกายเจ้าตลอด แค่เพียงจิตเจ้าสั่นไหว มารก็จะเข้าแทรก ปลายกัปล์เช่นนี้ มีผู้คนจำนวนมากที่ผิดต่อธรรมะ แล้วหันเข้ามาสู่กระแสของข้าเป็นสมุนของข้า หากเจ้าผ่านการทดสอบของข้าได้ เจ้าก็สามารถกลับคืนเบื้องบนได้ หากก้าวไม่พ้นการทดสอบของข้า เจ้าก็จะต้องตกลงสู่นรกภูมิ ตอนนี้รู้จักข้ามากขึ้นหรือยัง? อยากให้ข้ามาประทับญาณ บ่อยๆไหม?นักเรียนในชั้น : ไม่
พญามาร : ทำไมไม่ชอบข้า?
นักเรียนในชั้น : ไม่อยากตกนรก
พญามาร : ข้าชอบสอบเตี่ยนฉวนซือและเจี่ยงซือแนวหน้า บุญกุศลของข้าจึงจะมากเพราะถ้า ข้ามีบุญกุศลมากพอ ข้าก็คืนเบื้องบนได้เช่นกัน
ถ้าเจ้าบำเพ็ญยึดติดบุคคลก็จะถูกบุคคลทดสอบ
ข้าชอบเวลาที่ปณิธานของเจ้าอ่อนแรง ไม่มุ่งมั่นต่อธรรมะลูกหลานมารข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้า
ยินดีต้อนรับเจ้าทั้งหลายเข้าร่วมกระแสของข้า หวังว่ายามใดที่เจ้าพบเจอกับการทดสอบจะเรียกข้ามาหาข้า หน้าที่ของข้าเสร็จสิ้นแล้ว ไม่หน่วงเวลาของเจ้าอีกต่อไป ฮ่า..ฮ่า... (ถอนญาณ)หลังจากพญามารได้ถอนญาณออกจากร่างสามคุณ ด้วยความเป็นห่วงศิษย์ทั้งหลาย พระอาจารย์จี้กงได้เสด็จลงประทับทิพยญาณ เมตตาประทานโอวาทกับญาติธรรมนักเรียนในชั้นประชุมธรรม
เรา คือ
พระพุทธจี้กง รับบัญชาจาก
พระแม่องค์ธรรม มาที่นี่นานแล้ว ก้มกราบอภิวันท์
พระองค์ธรรมมารดา ศิษย์ทั้งหลายนั่งเถิด...
พระอาจารย์จี้กง: ศิษย์ทั้งหลายตื่นตระหนดหรือไม่? อยากตามพญาอสูรไปหรือเปล่า?
นักเรียนในชั้น : ไม่อยากครับ/ค่ะ
พระอาจารย์จี้กง : ใจจะต้องสงบนิ่ง เมื่อสงบนิ่งแล้ว จึงจะแบ่งแยกจริงเท็จได้ เจ้าทั้งหลายล้วนเป็นพุทธบริกร และได้ตั้งปณิธานทานเจแล้วทั้งนั้น คนที่ตั้งปณิธานแล้วยืนขึ้นเหตุใดจึงส่งเสริมให้เจ้าตั้งปณิธาน การตั้งปณิธานทานเจไม่มีบุญกุศล เพราะนั่นคือหน้าที่ของเรา ทำไมต้องตั้งปณิธานทานเจ? ก็เพื่อตัดกรรมชั่ว ไม่ต้องผูกกรรมกับสัตว์เดรัจฉานอีกต่อไป ไม่เช่นนั้น ยิ่งผูกยิ่งลึกยิ่งมัดยิ่งแน่น อย่างนี้ฟังเข้าใจใหม?
เมื่อตั้งปณิธานทานเจแล้ว ปัญญาก็จะค่อยๆบังเกิด ดูอย่างอาวุโสที่ยืนอยู่ข้างหน้าท่านเหล่านั้นไม่เคยที่สั่นคลอน หรือหวั่นไหวคนที่ยังไม่ได้ตั้งปณิธานก็ให้รีบตั้ง แต่เมื่อตั้งไปแล้วก็ต้อง รักษาปณิธาน รักษาหน้าที่ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นลูกมารหลานมารหรือแม้แต่พญามารก็ไม่อาจโค่นล้มเจ้าได้
ทำไมต้องเร่งสร้างปณิธาน? ด้วยเหตุของมหันตภัยมากมาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นดูธงในการฉุดช่วย เพราะคนที่ตั้งปณิธานทานเจแล้วธงบนหัวจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เป็นสิ่งที่ตาเนื้อของเจ้ามองไม่เห็น แต่ในสิ่งที่มองไม่เห็นสามารถขจัดปัดเป่าภัยให้เจ้าได้ บำเพ็ญธรรมจะต้องมั่นคง แน่วแน่ บำเพ็ญให้ตลอดรอดฝั่งศิษย์ทั้งหลาย เจ้าอยากได้มรรคผลหรือไม่?
นักเรียนในชั้น : อยากได้มรรคผลจากพระอาจารย์
พระอาจารย์จี้กง : มรรคผลของพญามารต้องการใหม?
นักเรียนในชั้น : ไม่ต้องการครับ/ค่ะ
พระอาจารย์จี้กง : บำเพ็ญธรรมจะต้องบำเพ็ญอย่างจริงจังเท้าติดดิน รักษาปณิธานของตน การทำความดีไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นรู้ เจ้าต่างก็เป็นพุทธบริกรกันแล้ว ต้องมีสัมมาศรัทธา มิใช่เพราะสภาพการณ์รอบข้างของเจ้าเปลี่ยนแปลง เรื่องราวหรือผู้คนรอบข้างเปลี่ยน แล้วเจ้าก็เปลี่ยนแปลงปณิธานของตนหากเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับศรัทธาอย่างโง่เขลา บำเพ็ญธรรมะจะต้องศรัทธาให้ถึงที่สุด จึงจะซาบซึ้งถึงเบื้องบน
บำเพ็ญธรรมต้องบำเพ็ญแบบทวนกระแส บำเพ็ญทวนกระแสไม่ใช่หันหลังให้ธรรมะ แต่เป็นการหันหลังให้กับสภาพรอบข้าง เร่งฟื้นฟูประเพณีอันดีงามแต่โบราณไม่ว่าจะเป็นคุณธรรมความดีงามต่างๆ ส่งมอบความรักความเมตตา ขจัดความเห็นแก่ตัวไม่ยึดติดในวัตถุ จงหยิบยื่นสิ่งที่ดีให้แก่ผู้อื่นเมื่อเคารพผู้อื่นก็จะได้รับการเคารพตอบ คนที่เห็นแก่ตัว ผู้คนก็ไม่อยากเข้าใกล้
ทำไมไม่บำเพ็ญตามกระแส ? เจ้าลองมองดูสิว่าในปัจจุบันนี้ ผู้ชายไม่เหมือนผู้ชาย ผู้หญิงไม่เหมือนผู้หญิง ผู้ชายไว้ผมยาว ผู้หญิงไว้ผมสั้น เสื้อผ้าก็ใส่สับกันมั่ว แล้วอย่างนี้จะแบ่งว่าไหนชายไหนหญิงได้อย่างไร? มีเพียงอาศัยธรรมะ ในการฟื้นคืนขนบธรรมเนียมประเพณีเดิมอันงดงาม เพื่อฟื้นคืนสู่จิตใจไร้เดียงสาดังเดิมจิตศรัทธาแรกเริ่มมีทั้งดีและชั่ว อยู่ที่เจ้าจะใช้อย่างไร? เริ่มศรัทธาในการบำเพ็ญธรรมก็เรียกว่าจิตศรัทธาแรกเริ่ม แต่แรกเริ่มศรัทธา จะต้องศรัทธาอย่างเที่ยงตรง ดังนั้นหวังศิษย์เจ้าจะใช้ปัญญา ผู้บำเพ็ญธรรมควรมีปัญญา โดยเฉพาะ 3 ชัดเจน 4 เที่ยงตรง จะต้องชัดเจน
สิ่งที่ผู้บำเพ็ญธรรมควรมี :
1. ตั้งปณิธานแล้วอย่าได้เปลี่ยนแปลงจะต้องเสมอต้นเสมอปลาย
2. ใจบำเพ็ญต้องไม่เปลี่ยน มีเพียงหนทางธรรมเท่านั้นที่สว่างไสว บำเพ็ญธรรมมีการทดสอบมากมาย จะรักษาสภาพจิตให้มั่นคงได้อย่างไร?
2.1 ต้องมีจิตสำนึกคุณ
2.2 ไม่โทษฟ้าหรือกล่าวโทษคน
2.3 จริงจังเท้าติดดิน แล้วดำเนินตามนักธรรมอาวุโส ยามใดที่ใจของเจ้าสั่นคลอนมารล้วนรู้ มารจะอาศัยช่วงที่เจ้าอ่อนแอ เข้ามาผจญ การเกิดตายในชั่วขณะนั้น คือวิบากกรรมที่สร้างมานับหกหมื่นปี เขาทวงอย่างรวดเร็ว เหตุใดในตอนนี้ ภัยพิบัติจึงได้เกิดขึ้นมากมาย แรงคนยังต้านได้ แต่แรงกรรมยากต้านผู้ที่มีใจใฝ่ธรรมฟ้าจะไม่ทอดทิ้งเขา เมื่อตั้งปณิธานแล้ว จงติดตามอาจารย์ไปทั่วหล้าแม้ฟ้าดินจะเปลี่ยนแปลง แต่ใจของเจ้าจะเปลี่ยนไม่ได้!
3. จิตเมตตาอย่าเปลี่ยน แต่เมตตาก็ต้องเมตตาอย่างมีปัญญา มีเพียงปัญญาที่แท้จริง จึงสามารถผ่านความลำบากได้ เขาบอกให้เจ้าไปพูดธรรมะที่โน่นที่นี่เจ้าไปใหม? พุทธระเบียบก็ต้องรักษา อย่าได้วุ่นวาย บำเพ็ญอยูที่ไหน ก็ลงแรงทุ่มเทอยู่ตรงนั้น มีเพียงอาศัยปัญญาเท่านั้น จึงจะแยกแยะได้ การบำเพ็ญธรรมอยู่ที่ความเรียบง่าย จิตญาณจึงจะบริสุทธิ์ ร่างกายจึงจะแข็งแรง หากนานๆเป็นไข้ที ลบล้างหนี้กรรมได้! แต่ปณิธานจะต้องแน่วแน่
จิตใจของมนุษย์ เบื้องบนล้วนรับรู้ไม่ว่าจะสงบหรือเคลื่อนไหว ให้สอดคล้องกับธรรมะ สอดคล้องกับทางสายกลาง คนบำเพ็ญอย่าได้อยากรู้อยากเห็น เพราะความอยากรู้อยากเห็น จะนำเจ้าเข้าสู่นอกรีตนอกรอย บุญกุศลจะถูกลบ หากเจ้าไม่ห่างจากสถานธรรมเจ้าก็จะไม่เดินพลาด
หากเราฆ่าสัตว์ ทานเนื้อสารพิษก็จะกระจายไปทั่วร่าง โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรที่ไร้รูปลักษณ์ ก็จะคอยติดตามไปทุกที่ หากเกิดโรคภัยเกิดขึ้น ขอฟ้า...ฟ้าไม่ช่วย ขอดิน...ดินไม่ตอบ กินเขาไปเท่าไร ก็ต้องคืนเขาไปเท่านั้น ดังนั้น การตั้งปณิธานทานเจก็คือการตัดกรรมใหม่ คือการตัดกรรมชั่ว...
วันนี้ เมื่อเข้ามาร่วมชั้น จงทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เพราะการทานเจ มิใช่แค่ปากสะอาดเท่านั้น ยังรวมไปถึง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจต้องบริสุทธิ์ด้วย เมื่อมีกายที่สะอาด จิตใจที่บริสุทธิ์เช่นนี้ ปวงพระพุทธะจึงกล้าเข้าใกล้
ใจต้องสำนึกคุณฟ้าบารมีอาจารย์อยู่ตลอดเวลาอีกทั้งอาจารย์เตี่ยนฉวนซือ อาจารย์แนะนำรับรอง ที่ทำให้เราได้ตัดกรรมชั่ว สิ่งที่พระอาจารย์อยากได้ก็คือ จิตศรัทธาจริงใจ
หวังว่าเมื่อจบชั้นแล้ว เจ้าจะช่วยกันหนุนนำทุกคนร่วมแรงใจ มือจับมือ เพื่อฉุดช่วยมนุษย์ผู้ลุ่มหลง การอยู่ร่วมกันของมนุษย์เรา ล้วนมีเหตุปัจจัย จะต้องให้อภัยซึ่งกัน เพื่อให้เรื่องราวต่างๆสมบูรณ์ แม่ครัว ไม่ว่าเจ้าจะช่วยงานที่ไหนก็ตามขอให้ระวังเรื่องไฟ ปัจจุบันอากาศแห้งแล้งถึงแม้จะมีฝนตกลงมาบ้าง แต่เราก็ต้องระวังตัวด้วย ให้ช่วยเหลือตนเองก่อน
พระอาจารย์มาที่นี่เวลามีจำกัดฯ ขอให้ศิษย์เจ้ารักษาพุทธระเบียบให้ดี อย่าได้เปลี่ยนแปลงปณิธาน ใจบำเพ็ญธรรมจะเปลี่ยนไม่ได้จงระวังสำรวม อย่าได้แกล้งผิดปณิธาน แล้วกินเนื้อ...มีเพียงสำนึกขอขมาด้วยความจริงใจจึงจะลบล้างความผิดบาปและหนี้เวรกรรมได้ใจของเจ้าเป็นเช่นไรพระอาจารย์ล้วนรับรู้ ขอให้เจ้าทั้งหลายรักษาใจกาย
กราบลา
พระองค์ธรรมมารดา ไปยังสถานที่อื่น.....
ถ้าหากเจ้าขาดซึ่งความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับผู้อื่น
การปฏิบัติงานธรรมของเจ้าก็ยากที่จะก้าวหน้า
หากเจ้าขาดซึ่งจิตสัมผัส เห็นใจ
เจ้าก็จะไม่รู้ว่าอะไรคือจิตสำนึกคุณ
หากเจ้าหยุดเดิน
ความหวังทั้งหมดก็จะสูญสิ้นไปในทันที
พระพุทธจี้กง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น