เมนูอาหารเจ เทศกาลกินเจ

รวบรวม...เมนูอาหารเจอร่อยๆ สูตรอาหารเจง่ายๆ

คลิ๊กเลย >>> รวบรวมเมนูอาหารเจ..อร่อยๆ   สอนทำอาหารเจง่ายๆ

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“ความหมายของ ชิงโข่ว ศีลเจบริสุทธิ์” พระโอวาทพระพุทธกษิติครรภ์ เมตตาประทาน



พระพุทธกษิติครรภ์  พระองค์ทรงประทับทิพยญาณในร่างสามคุณ เมตตาประทานพระโอวาทอันศักดิ์สิทธิ์ กล่อมเกลานักเรียนในชั้นเรียน ชิงโข่วปัน “ศีลเจบริสุทธิ์”
.......................................................................................................

“ความหมายของ ชิงโข่ว ศีลเจบริสุทธิ์

วันนี้เปิดประชุมธรรมชั้นอะไร อยากรู้ไหม เราพาใครมาด้วยบ้าง ล้วนเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเมธีและคนเดิมของชาติกำเนิดสี่ (1.เกิดในครรภ์ 2.เกิดในไข่ 3.เกิดในไคล 4.โอปาติกะ)

เราคือ...

ผู้ทำหน้าที่สอนธรรมะในยมโลกพระพุทธกษิติครรภ์ รับบัญชาจาก
พระอนุตตรธรรมมารดา ลงสู่พุทธสถานชั้นประชุมอริยะ กราบคารวะ
องค์มารดาผู้เมตตา ถามเมธีทุกท่านปากสะอาดไหม

เมธีทุกท่านสบายดี ขณะนี้คงรับประทานอิ่มกันแล้วใช่ไหม
ขอให้เมธีร่วมกันออกกำลังกาย เราอยากให้เมธีต่างสัมผัสถึงความทุกข์ยากลำบากของ “นก” ขอให้ทุกท่านกางแขนทั้งสองข้างออก แกว่งแขนขึ้นลง แกว่งต่อเนื่องกันห้านาที อย่าหยุด หากเมื่อย ให้กางแขนไว้อย่าวางลง

เมธีต่างเคยเห็นนกบินกันมาแล้ว ต้องรู้จักว่านกบินกันอย่างไร ปีกของนกเปรียบเหมือนแขนสองข้างของคน แขนเราแกว่งตลอดเวลา บางเวลานกจะอาศัยแรงส่งของลมในการบิน เหมือนกับเมธีทุกท่าน ขณะเมื่อยแขนให้กางแขนไว้ เสมือนนกอาศัยแรงส่งในการร่อนไปตามลม แต่หลังจากร่อนไปตามลมแล้ว ยังต้องกระพือปีกบินต่อ หากไม่ทำการบินต่อ หยุดอยู่ระหว่างทาง อาจถูกศัตรูจับกิน ดังนั้นจึงต้องบินต่อ การบินต่อ หยุดอยู่ระหว่างทาง อาจถูกศัตรูจับกิน ดังนั้นจึงต้องบินต่อ

มีเมธีท่านไหนที่ทนไม่ไหวแล้ว ยังไม่ถึงห้านาทีเลย เมธีต่างก็ทนกันไม่ไหวแล้ว แต่นกถูกตัดสินให้เกิดเป็นนกมาไม่รู้กี่ชาติ ตลอดชีวิตกระพือปีกบินอยู่ตลอดไม่มีหยุด ความทุกข์ทรมานเช่นนี้ ถ้าถูกตัดสินว่าเกิดหนึ่งชาติ ต้องใช้เวลา 30 ปีในการกระพือปีกบิน แต่เมธีทุกท่าน เพียงได้รับความทุกข์ไม่กี่นาทีเท่านั้น วางมือลงได้ หยุดพักสักนิด ที่เรากล่าวว่าหยุดพัก หมายความว่า หยุดการเป็นนกไว้ก่อน

ต่อจากนี้เปลี่ยนมาเป็น “ไก่”

ลักษณะไก่เป็นอย่างไร เอาแขนไขว้ไปข้างหน้า และเอามือจับกันไว้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็อย่าปล่อยมือ ไม่ว่าจะคันหน้า คันคอ หรือคันตามร่างกายฯลฯ ให้ใช้ใบหน้าแก้ปัญหาอาการคัน ห้ามใช้มือสองข้าง ขณะนี้เลยเวลาทานข้าวกันแล้ว มิเช่นนั้นจะให้เมธี ลองหัดดูว่าไก่กินอาหารอย่างไร

เวลาไก่กินอาหารจะต้องเอาหน้าลงจิก ใช่ไหม ใครเคยเห็นไก่นั่งกินข้าวไหม ไก่ทุกตัวยืนกินใช่หรือไม่ ไก่นั่งอย่างไร… ไก่ใช้สองขาขดตัว สองขางอไปข้างหลัง ลองหัดนั่งอย่างไก่ดู ขณะนี้อยู่ในพุทธสถาน ท่าทางแบบนี้ไม่เจริญตาเลย ดังนั้น จึงไม่อยากให้เมธีลองนั่ง

ดวงญาณที่ได้ร่างเป็นเดรัจฉาน เพราะชาติก่อนทำบาป มีนิสัยความเคยชินที่ไม่ดี นิสัยความเคยชินที่ไม่ดีนำติดไปด้วย ดังนั้นพลังอิน พลังหยางและธาตุทั้งห้าของจิตญาณ จึงเปลี่ยนแปลงไปตามนิสัยความเคยชินที่ไม่ดี ติดตามมาด้วยจากชาติที่แล้ว

ขณะเกิดในชาตินั้น มีนิสัยไม่ดี ถูกตัดสินโทษแล้วจึงรับโทษเป็นเดรัจฉานชนิดนั้น เกิดเป็นเดรัจฉานน่าสงสาร เพราะตกอยู่ในสถานะที่ยากจะกลับตัวได้

เดรัจฉานมีมูลเหตุร่างกายเดรัจฉาน ห่วงโซ่อาหารในโลกนี้ ชาติกำเนิดสี่เป็นเดรัจฉาน สภาพแวดล้อมกรรมสนองกรรมโหดร้ายทารุณที่สุด เมธีน่าจะรู้จักตั๊กแตนตำข้าวจับจักจั่น นกขมิ้นบินตามมาข้างหลัง นี่คือ ห่วงโซ่อาหารที่เห็นได้ชัดเจน

จักจั่นเผชิญศัตรูบนอากาศ ถูกตั๊กแตนตำข้าวจับกิน ดังนั้น ในชีวิตของจักจั่น ต้องคอยระแวดระวัง อกสั่นขวัญผวาอยู่ตลอด ทุกเวลาหวั่นกลัว ตัวสั่นสะท้าน เกรงว่าจะถูกตั๊กแตนจับกิน นี่คือ กรรมสนองกรรมของจักจั่น และก็เป็นกรรมเวรของจักจั่นกับตั๊กแตน

หลังจากตั๊กแตนฆ่าจักจั่นอย่างทารุณแล้วก็กินจักจั่น จักจั่นทุกข์ทรมานจนตาย หลังจากวิญญาณลงสู่ยมโลก ถูกพิพากษา เกิดใหม่ เวียนว่าย สุดท้ายเกิดเป็นนกขมิ้น จักจั่นเกิดใหม่เป็นนกขมิ้น พอเห็นตั๊กแตนที่เคยกินจักจั่นมาก่อน เหมือนเห็นศัตรูในอดีต นกขมิ้นจึงจิกกินตั๊กแตนด้วยความทารุณเช่นกัน

ตั๊กแตนและนกขมิ้นเป็นสัตว์ที่กินสัตว์และพืชด้วยกัน เป็นข้อจำกัดพื้นฐานของสัตว์ด้วยกัน เกิดกายเป็นเดรัจฉาน ธรรมญาณถูกแบ่งแยก ไม่สามารถรวมกันได้ ทิพยญาณไม่บริสุทธิ์

ดังนั้น จักจั่น ตั๊กแตน หรือ นกขมิ้น บางขณะรู้ตัวว่าที่ได้ทำไปเป็นการกระทำที่ผิด แต่จิตเดิมของสัตว์เหล่านั้นยังไม่รู้ตื่น เพราะกายร่างเป็นสัตว์ซึ่งเป็นกรอบจำกัดความสำนึก นั่นคือความสามารถในการนึกคิด ความตรึกตรองของสัตว์เหล่านั้นลดน้อยลง ไม่สามารถตัดสินผิดถูก

หากสัตว์เหล่านั้นรู้ว่าการกินเนื้อสัตว์ เป็นการกระทำที่ผิดแต่ยังยากที่จะควบคุมพฤติกรรมตนเอง ดังนั้น หลังจากเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้ว จะกลับตัวหรือแก้ตัวยากยิ่งกว่ายาก

ขณะที่สัตว์เหล่านั้นอยู่ต่อหน้าคน หากคนมีจิตใจดุร้ายทารุณฆ่าสัตว์เหล่านั้นและนำไปกิน นั่นก็เท่ากับเมธีเริ่มก่อกรรมเวรใหม่ เพราะฟ้าดินได้ลงโทษสัตว์เหล่านั้นอย่างโหดร้ายแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่เมธีในโลกมนุษย์จะไปลงโทษเขาอีก

ดีแล้ว เมธีทุกท่านวางมือลง เชิญนั่ง

ในโลกมนุษย์ เวไนยสัตว์เคยชินกับการกินเนื้อสัตว์เป็นเวลาพันปี หมื่นปีมาแล้ว ก่อเกิดการเวียนว่ายไม่รู้จบ หนี้กรรมไม่มีสิ้นสุด ตกสู่ชาติกำเนิดสี่ภูมิวิถีหกเนืองนิตย์ เมธีทุกท่านคงไม่มีใครรู้ว่าตัวเอง เมื่อชาติที่แล้วเป็นเดรัจฉานมาหรือเปล่า เคยถูกสัตว์กินมาแล้วใช่หรือไม่

คนบนโลกนี้ขณะที่ปากกำลังเคี้ยวเนื้อสัตว์อย่างเอร็ดอร่อย หาคิดไม่ว่า ชิ้นเนื้อในปากเรานี้ แลกมาด้วยความตายของหนึ่งชีวิต คนทั่วไปจะคิดไม่ถึง ดังนั้น เดรัจฉานชาติกำเนิดสี่ ต้องตายอย่างน่าอนาถ หรือสัตว์เหล่านั้นได้รับการลงโทษอย่างเข้มงวด แล้วทำไมต้องมีชะตาชีวิตมาถูกฆ่าตายอย่างน่าสงสารเล่า คนในโลกนี้เพิ่มความเจ็บปวดทุกข์ทรมานให้กับสัตว์เหล่านั้น จนกลายเป็นการก่อเหตุต้นผลกรรมของมนุษย์ กรรมสนองกรรม

เวไนยสัตว์พันหมื่นปีมาแล้ว เคยชินกับการกินเนื้อสัตว์ ยากที่จะตัดได้ ในโลกนี้ยังมีคนจำนวนมาก ถือว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นความจำเป็น ไม่เชื่อว่าเป็นการประพฤติผิด ถึงได้ฟังหลักธรรมของการกินเจ แต่กลับคิดว่าความอยากของปากท้องสำคัญกว่า

บางคนคิดว่าเนื้อสัตว์ ปลา สัตว์ในชาติกำเนิดสี่ เกิดมาในโลกนี้เพื่อให้มนุษย์ได้ใช้สอย คนกินเนื้อสัตว์ สัตว์กินเนื้อสัตว์ด้วยกัน มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เป็นความคิดที่โง่เขลาของคน คนกินเนื้อสัตว์ สัตว์กินสัตว์ด้วยกันเอง ทั้งหมดล้วนก่อให้เกิดเหตุต้นผลกรรมอย่างรุนแรง ก่อหนี้เวรที่ยากจะแก้ตัวได้

ปัจจุบันยุคขาว โชคดีพบการ ปรกดปรดสามภพ พระแม่องค์ธรรมโปรดเมตตา ให้เวไนยมีโอกาสแก้ตัว หากมิเช่นนั้น เป็นพันเป็นหมื่น จำนวนแสน หลายร้อยล้านดวงญาณได้ตกอยู่ในการเวียนว่าย หรือตกลงสู่ภูมิวิถีหก ยากที่จะกลับตัวหรือแก้ตัวได้

เบื้องบนโปรดเมตตา เมธีทุกท่านต้องเข้าใจ จะหยุดการเวียนว่าย ต้องหยุดการสร้างกรรม “การถือศีลเจบริสุทธิ์ คือพื้นฐานของการตัดเหตุต้นผลกรรม” หากในปากยังคงกินเนื้อสัตว์ ยิ่งเพิ่มความเกลียดชัง เคียดแค้น แก่สัตว์ร่ำไป ภัยพิบัติและบรรยากาศแห่งความแค้น ไม่หยุดที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วโลกนี้จะเกิดสันติได้อย่างไร ธรรมะจะเก็บงานสมบูรณ์ได้อย่างไร ธรรมญาณของแต่ละคนจะกลับคืนได้อย่างไร

พื้นฐานความอยากของปากท้อง พื้นฐานของเหตุต้นผลกรรมยังไม่มีปัญญาตัดให้ขาด แล้วยังจะพูดถึงการบำเพ็ญอีกทำไมกัน

“ชิงโข่วศีลเจบริสุทธิ์ที่แท้จริง คือการรับประทานต้องสะอาดบริสุทธิ์ วาจาสะอาดบริสุทธิ์ จนกระทั่งร่างกายสะอาดหมดจด จิตใจสะอาด ญาณสะอาด”

คนที่กายใจสะอาดบริสุทธิ์อย่างแท้จริง จะต้องไม่บริโภคซากสัตว์ และไม่พูดสิ่งที่ไม่ควรพูดตามอำเภอใจ ไม่พูดประจบสอพลอ ไม่พูดคำโกหกหลอกลวง

หากปากไม่สะอาดบริสุทธิ์ รับประทานเข้าไปไม่สะอาดบริสุทธิ์ พูดจาไม่สะอาดบริสุทธิ์ ไม่นับว่าเป็นคนที่กายใจสะอาดบริสุทธิ์ และไม่ถือว่าเป็นผู้ที่ถือศีลเจบริสุทธิ์

มีบางคนเข้าใจว่าหากไม่บริโภคเนื้อสัตว์ มือไม่ฆ่าสัตว์ อย่างนี้ก็เท่ากับว่าได้ดำเนินไปตามปณิธานที่ถือศีลเจบริสุทธิ์แล้ว แต่หากว่า ปากยังพูดเลอะเทอะปลิ้นปล้อน ใช้วาจาทำร้ายผู้อื่น ใช้มิจฉาวาจาพูดเท็จ พูดลามกอนาจาร กล่าววาจาแช่งด่า ล้วนไม่นับว่าเป็นคนถือศีลเจบริสุทธิ์ และมิได้เป็นคนที่ถือปฏิบัติ ศีลเจบริสุทธิ์ ตามที่ได้ตั้งปณิธานไว้อย่างแท้จริง

คนทั่วไปหรือคนที่เพิ่งเข้าสู่อาณาจักรธรรม จะตัดขาดจากการบริโภคเนื้อสัตว์เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง ด้วยความเคยชินบริโภคเนื้อสัตว์ หลายหมื่นปีมาแล้ว ทำให้ปากมีความเคยชินของการบริโภคเนื้อสัตว์ ดังนั้น ในช่วงเวลาสั้นๆ ยากที่จะตัดขาดได้ แต่ปฎิบัติต่อเนื่องไปเรื่อยๆ มีจิตใจมั่นคง มีความตั้งใจจริง มีความอดทน จะได้รับความช่วยเหลือจากเบื้องบน

หลังจากตั้งปณิธานถือศีลเจบริสุทธิ์แล้ว เมธีผู้มีวุฒิความรู้จำนวนมากที่อยู่ในอาณาจักรธรรม เมธีที่สัมผัสกับอาณาจักรธรรมเป็นเวลานาน คิดที่จะลุถึงวาจาสะอาดหมดจดเป็นเรื่องยากยิ่ง

เรื่องของคนในอาณาจักรธรรมที่อยู่กันมานาน เป็นเหตุสำคัญทำให้วาจาของเมธี ไม่อาจลุถึงความสะอาดหมดจดได้ขณะที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน วาจาที่ไม่สุภาพเริ่มพรั่งพรูออกจากปาก แม้คำด่าทอก็ออกมาด้วย วาจาไม่น่าฟัง คำพูดออกจากปากไม่สะอาดหมดจด จะนับเป็นคนที่มีศีลเจได้อย่างไร

อาหารที่รับประทานเข้าไปควรจะสะอาดบริสุทธิ์ ดังนั้น สัตว์สามประเภท ผักฉุนห้าชนิดห้ามรับประทาน
1. สัตว์บก
2. สัตว์น้ำ
3. สัตว์อากาศ

ผักฉุนห้าชนิด คือ
1. ต้นหอมรวมถึงหัวหอม
2. ต้นกระเทียมรวมถึงหัวกระเทียม
3. กุยช่ายรวมถึงดอกกุยช่าย
4. กระเทียมโทน
5. ใบยาสูบ

จะตัดขาดจากการรับประทานสัตว์สามประเภท ผักฉุนห้าชนิด เมธีทุกท่านคิดดู แม้แต่คนทั่วไปคงทำได้ไม่ยาก ขึ้นอยู่กับความตั้งใจจริง ที่จะตัดให้ขาดหรือไม่เท่านั้น

ถ้าคิดที่จะตัด หรือคิดที่จะถือศีลเจ ในโลกนี้มีของสะอาดบริสุทธิ์มากมาย ที่จะให้มนุษย์ได้รับประทาน หากไม่คิดที่จะทำ ก็จะมีข้ออ้างต่างๆ มาเป็นเหตุผล เป็นข้ออ้างให้ตัวเองกินเนื้อสัตว์ต่อไป

สภาพเหตุการณ์ความเคียดแค้นของสัตว์ ทำให้เกิดพิบัติภัยในโลก ยิ่งมาก็ยิ่งมาก โรคภัยไข้เจ็บในตัวคน อาการแปลกๆ ยิ่งนานวันก็ยิ่งมาก เพราะว่าสภาพเหตุการณ์ความเคียดแค้น ไม่มีปัญญาที่จะลบล้างได้

คนทั่วไปไม่รู้จักการเกรงกลัวหนี้กรรม ยังสร้างกรรมอย่างต่อเนื่อง ทำกรรมด้วยการฆ่า ถึงแม้การรับประทานเนื้อสัตว์ มิใช่การฆ่าโดยตรง แต่…"คนที่ฆ่าก่อกรรมหนึ่งส่วน คนที่รับประทานในเวลาเดียวกัน ต้องแบกรับผลกรรมอีกส่วนหนึ่ง" นี่คือก่อเกิดกรรมร่วมขึ้นมาแล้ว

ดังนั้น ขณะเจ้ากรรมนายเวรทำการทวงหนี้ แม้จะอยู่ต่างสถานที่กัน ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่กลับได้รับผลทุกข์ระทมเหมือนกัน ผลสนองเหมือนกัน นี่คือกรรมร่วมของการทวงหนี้กรรมสนอง

พันหมื่นปีมาแล้ว เวไนยรับประทานเนื้อสัตว์มานาน ทำให้หนี้กรรมทับถมลึกดั่งทะเล แต่ความโกรธแค้นของเดรัจฉานสูงเทียมฟ้า จึงเป็นเหตุให้เกิดกงเกวียนกำเกวียนมิจบสิ้น

เหตุต้นผลกรรม บุญคุณความแค้น ทำให้สภาพเหตุการณ์ความแค้นของเดรัจฉานยากที่จะสงบลงได้ ผลปรากฏชัดให้เห็นในโลกนี้คือ อุทกภัย ภัยแล้ง โรคระบาด โรคติดต่อร้ายแรง อหิวาตกโรค อุบัติเหตุจากยวดยานพาหนะ โรคภัยไข้เจ็บเรื้อรังในร่างกายมนุษย์ ฯลฯ

ในยุคปัจจุบัน มนุษยชาติมีวิธีการรับประทานเนื้อสัตว์พิสดารยิ่งขึ้น ดังนั้น โรคภัยไข้เจ็บยิ่งปรากฏก็ยิ่งแปลกประหลาด โรคแปลกๆที่เกิดขึ้น ทำให้หมอหมดวิธี และไม่มียารักษา ทำให้ร่างกายคนป่วย ยิ่งได้รับทุกขเวทนามากยิ่งขึ้น

นี่ล้วนเพราะมนุษยชาติ ต่างก่อกรรมใหม่ขึ้นมาเอง ดังนั้น จึงเกิดผลกรรมใหม่ขึ้น กงเกวียนกำเกวียนเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง เมธีทุกท่านต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน คนในโลกนี้ไม่เข้าใจสัจธรรมของการเวียนว่าย จึงปล่อยไปตามกระแสของการเวียนว่าย จมลงสู่ร่างแหเวรกรรมของการเวียนว่าย เวียนเกิดเวียนตายไม่รู้ว่าจะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายอย่างไร

เช่นนี้คือความโศกเศร้าของเวไนยในหมู่มนุษย์ ไม่เพียงแต่เกิดกับมนุษย์ชาติ เดรัจฉานก็เช่นกัน เวียนเกิดเวียนตาย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากร่างเดรัจฉาน

เมธีทุกท่านเหนื่อยกันแล้วหรือยัง เวลานี้อิ่มกันหมดแล้ว ร่างกายของคนจะสำแดง ภาวะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยเพลีย จะทำให้ขาดความกระปรี้กระเปร่า นี่เป็นสภาพการณ์ปกติของภาพที่ปรากฏขึ้นแต่ทว่า หากรับประทานอาหารไม่บริสุทธิ์ ความกระปรี้ประเปร่ายิ่งไม่ดี หากรับประทานอาหารสะอาดบริสุทธิ์ ความกระปรี้กระเปร่าจะดีกว่า

เมธีทุกท่านรู้ว่า “สถานฟังธรรม” วิญญาณแต่ละตนมีจิตเช่นไร รู้ไหม อยู่ในสถานฟังธรรม วิญญาณแต่ละตนเหมือนดั่งเมธีทุกท่านที่ฟังเรากำลังพูดธรรมะอยู่ หากวันหนึ่งคนไม่มีกายเนื้อแล้ว จะเห็นคุณค่าของเวลาทุกวินาทีที่ผ่านไป จึงไม่เกียจคร้าน ไม่ปล่อยปละละเลย

ไม่มีกายเนื้อ คิดขอความช่วยเหลือให้ฉุดช่วย คิดที่จะให้หลุดพ้นจากทะเลทุกข์ นอกจากตนเองหาวิธีเองแล้ว เวลาเดียวกันต้องมาในโลกนี้ ขอความช่วยเหลือให้เมธีฉุดช่วย วิธีการต่างๆของเขาเหล่านั้นที่คิดได้ คือ นั่งลงตั้งใจฟังธรรม นอกจากตั้งใจฟังธรรมแล้ว ยังนำไปปฎิบัติด้วย จะเดินจะวิ่ง ทุกวินาที คำพูดการกระทำทั้งหมดต้องสอดคล้องกับหลักธรรม สอดคล้องกับศีลธรรมจรรยา

ดังนั้น เมธีทุกท่านขณะยังมีกายสังขารอยู่ ต้องถนอมรักษาไว้ให้ดี มี อนุตตรธรรม ให้เราบำเพ็ญ ก็ต้องถนอมรักษาให้ดี

ดีแล้ว มีเพลงธรรมหนึ่งเพลง

ความแค้นดั่งทะเล ความเกลียดชังไม่มีขอบเขต
เส้นทางเวียนว่าย ทุกทุกคำกล่าวโทษศัตรู
คนทำร้าย สุดท้ายรับผลร้ายสนอง
ถูกทำร้ายความแค้นพุ่งขึ้นฟ้า
เพลงอยุติธรรมพันหมื่นปีมา
การตัดสินหนี้กรรมในยุคขาว
ตกอยู่ในความทุกข์ทรมานไม่เห็นตะวันจันทรา
ใครมีเมตตา ใครคนนั้นจะรู้แจ้ง
ความหนาวเหน็บจากนรกานต์ติดตามทวง
เร่งรีบสะอาดหมดจดพ้นภูมิวิถีหก
เมธีเอ๋ย โลกโลกีย์วุ่นวายขุ่นหมอง ยึดปณิธาน อย่าถลำสู่นรการต์

ทำนอง : ไฮ่อู๋ตี่เทียนอู๋เปียน
ชื่อเพลง: อย่าตกสู่นรกานต์อีก

เพลงนี้ร้องกันได้ไหม มีใครเคยได้ยินเพลงนี้บ้าง หากไม่เคยได้ยิน ค่อยๆหัดร้องไป ถึงแม้เมธีจะร้องไม่เป็นแต่ค่อยๆ คล้อยตามเสียงเพลง ขอให้เข้าใจความหมายของเพลง สัมผัสให้ซึ้งถึงความหมาย เข้าใจถึงความรู้สึกจากใจของวิญญาณทั้งสามภูมิ สัมผัสรับรู้ถึงความยากลำบากของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาเมตตา ที่ผ่านมาให้เรามีผลได้เก็บเกี่ยวบ้าง

นอกจากตัวเราไม่รับประทานเนื้อสัตว์แล้ว ต้องตักเตือนขอร้อง อย่าให้คนอื่นรับประทานเนื้อสัตว์ ในโลกนี้ยังมีคนอีกมากที่มีอาชีพเกี่ยวกับการฆ่าสัตว์ เช่น

1. อาชีพเลี้ยงสัตว์เพื่อส่งฆ่า
2. อาชีพฆ่าสัตว์
3. อาชีพขายปลา ขายเนื้อสัตว์
4. ค้าส่งค้าปลีกเนื้อสัตว์ในตลาดกลาง หรือ ร่วมลงทุนด้วย
5. เปิดร้านอาหารคาว เปิดภัตตาคารอาหารคาวที่ใช้เนื้อสัตว์ ปรุงอาหาร เป็นเจ้าของร้าน ผู้ร่วมลงทุน พ่อครัว แม่ครัว คนเสิร์ฟอาหาร คนล้างจานชาม คนงานที่รับจ้างทำงานสารพัดในร้านอาหารตามภัตตาคาร
6. ผู้รับผิดชอบการขนส่งปลา ขนส่งเนื้อสัตว์ไปขายที่ตลาด รวมถึงคนขับรถ หรือ เป็นคนขับรถส่งไปโรงฆ่าสัตว์

หน้าที่ดังกล่าวมาข้างต้น เป็นผู้ร่วมก่อกรรมในการฆ่า นอกจากผู้รับหน้าที่ฆ่าสัตว์ที่ใช้เครื่องมือฆ่า หรือใช้แรงคนในการฆ่า หน้าที่นอกจากนี้ มิได้เป็นผู้ลงมือฆ่าโดยตรง แต่ในเวลาเดียวกัน กลับเป็นเหตุให้สัตว์เหล่านั้นตาย นี่ก็เป็นผู้ร่วมก่อกรรมในการฆ่าด้วย

พูดถึงร้านอาหารหรือภัตตาคารขายอาหารคาว ผู้ที่รับผิดชอบร้าน ผู้เป็นเจ้าของ หุ้นส่วนร่วมลงทุน ถึงแม้คนเหล่านั้นเพียงลงทุน หรือ ร่วมหุ้นด้วยเงิน แม้ไม่ถึงกับกระทำการฆ่าโดยตรง หรือมิได้เข้าไปรับประทานเนื้อสัตว์ แต่คนเหล่านั้นต้องรับผิดชอบ ในการมีส่วนร่วมการฆ่าด้วย

ผู้ที่เป็นลูกจ้างในร้านอาหารคาว ในร้านอาหาร ถ้าหากไม่มีลูกจ้างช่วยทำงาน ร้านก็ยากที่จะประกอบการค้าได้ ดังนั้น ลูกจ้างก็จะต้องร่วมรับส่วนในการฆ่าด้วย

ผู้ช่วยล้างจานชาม ก็จะต้องร่วมรับในหนึ่งส่วนด้วย ถึงแม้จะล้างจานชาม เพียงแต่นำจานชามที่คนอื่นรับประทานแล้วมาทำความสะอาด แต่หากร้านอาหารไม่มีคนล้างจานชาม ร้านอาหารก็ประกอบการค้าไม่ได้

คนที่ทำงานจุกจิกสารพัดในร้านอาหาร นักเรียนนักศึกษาทำงานพิเศษในร้านอาหาร หาเงินเรียนหนังสือ ล้วนต้องรับหนึ่งส่วนในการฆ่า นี่คือ “การฆ่าทางอ้อม”

ในร้านอาหารหนึ่งร้าน ผู้ร่วมก่อให้เกิดหนี้กรรม คือกรรมร่วม วันข้างหน้าถึงคราวจังหวะเวลาที่เหมาะสม คนเหล่านี้จะได้รับผลจากการล้างแค้น

คนทั่วไปเปิดร้านขายอาหารคาว หรือขายปลา ขายเนื้อสัตว์ การค้าดี ลูกค้ายิ่งมายิ่งมาก เงินไหลเข้าต่อเนื่อง จึงแยกเปิดสาขามากขึ้น การค้ายิ่งทำยิ่งรุ่งเรือง เงินในธนาคารตัวเลขเพิ่มสูงขึ้น แต่ก่อกรรมจากการฆ่าเพิ่มขึ้นเช่นกัน

คนทั่วไปไม่รู้ เข้าใจว่าค้าขายดี จึงขยายสาขาร้านอาหารคาวมากขึ้น การค้าดี ความร่ำรวยเป็นผลบุญวาสนาสั่งสมมาจากอดีตชาติ การเปิดร้านอาหารคาวนั้น บาปกรรมจากการฆ่า ตัวเองจะต้องรับ

หากไม่ได้เปิดร้านอาหารคาว ไม่ได้ขายเนื้อปลา ขายเนื้อสัตว์ บุญวาสนาจะสนองได้จากการประกอบอาชีพอื่น ยังเป็นคนร่ำรวยได้ตามผลบุญ

เปิดร้านอาหารคาว ก่อหนี้กรรมจากการฆ่าสัตว์ กรรมจากการฆ่า ยากที่จะชดเชยได้ วันข้างหน้าจะต้องรับผลจากกรรมสนอง จึงกล่าวได้ว่า ได้ไม่เท่ากับเสีย แต่คนตายเพราะเงินทอง มีบางคนแสวงหาความร่ำรวย ความทะเยอทะยานอยากร่ำรวย จึงไม่กลัวตาย หนี้กรรมนี้ หากมิได้ปรากฏแก่ตัวเองที่เจ็บไข้ได้ป่วย หรือตกทอดเป็นภัยต่อลูกหลาน ทำให้เกิดมาสติสัมปชัญญะบกพร่อง ร่างกายพิการแต่กำเนิด ขาดขาไปข้างหนึ่ง ขาดแขนไปข้างหนึ่ง หรือไม่มีทั้งแขนและขา เงินทองที่หามาได้จากการขายอาหารคาว ต้องเอามาเลี้ยงดูลูกหลานหนึ่งชีวิต อย่างนี้คุ้มไหม

บางคนยังไม่เคยพบกับกรรมตามสนองมาก่อน จึงคิดว่ากรรมตามสนองไม่มี กรรมตามสนองหากมิได้ปรากฏในรูปความเจ็บป่วยของตนเอง หรือตกทอดให้เป็นภัยกับลูกหลาน ตายไปแล้วยิ่งน่าสงสาร เพราะทัณฑกรรมที่ได้รับ หนี้กรรมตามสนองยิ่งร้ายแรงกว่า

หลังจากเป็นวิญญาณแล้ว

คิดจะให้คนช่วยเหลือ หรือขอความช่วยเหลือจากลูกหลานยากยิ่งขึ้น เพราะว่าตอนนั้นอยู่ในโลกวิญญาณ เสียงร้องขอความช่วยเหลือใครจะได้ยิน ลูกหลานไม่ได้ยิน จะเข้าฝันต้องมีบุญกุศลจึงเข้าฝันได้ บุญสัมพันธ์อย่างนี้มิใช่จะขอมาได้ง่าย ดังนั้น ตายไปเป็นวิญญาณแล้วได้รับกรรมสนอง ยิ่งเป็นทุกข์ ยิ่งน่าสงสาร

วิญญาณในสามภพ ตลอดเวลาตั้งหน้ารอคอย รอคอยว่า
เวลาไหนจะได้กลับตัวใหม่
รอคอยว่าวันไหนจะได้แก้ตัวใหม่
รอคอยคาดหวังว่ามนุษย์จะแบ่งบุญกุศลให้สักส่วนหนึ่ง

เพราะว่าเขาเหล่านั้นยากที่จะช่วยจิตญาณตนเองได้ ตัวเองคิดที่จะได้รับบุญกุศล ยังต้องมีบุญสัมพันธ์ในการช่วยงานธรรมะ

มีบางวิญญาณและเทวดาที่โชคดี ตนเองสร้างบุญกุศลได้ โดยช่วยให้คนทำคุณความดี ช่วยคนรอดพ้นเหตุร้าย

ส่วนนรก เดรัจฉาน เปรต อสูร เหล่านี้คิดที่จะขอบุญกุศลส่วนหนึ่งยากยิ่ง คนในโลกมนุษย์ยากที่จะเข้าใจพวกเขาเหล่านั้น ยากที่จะเข้าใจความทุกข์ลำบากของพวกเขา หากว่าเมธีทุกท่านปฎิบัติบำเพ็ญอยู่ในอาณาจักรธรรมที่มีการโปรดสามโลกมาหลายปี แต่บ่อยครั้งด้วยอนุสัย อุปสรรคจากนิสัยอารมณ์ที่ไม่ดีของตน ทำให้เกิดอวิชชาต่างๆ ลืมความทุกข์ทรมานของชาติกำเนิดสี่ ภูมิวิถีหก

เมธีบางท่านตระหนี่เงิน ตระหนี่แรง ไม่เต็มใจช่วยเหลือกัน หรืออาจรู้สึกว่าตนเองได้ช่วยเหลือมาแล้ว ทำไมต้องช่วยอีก จึงทำให้สละไม่ได้เลย ดังนั้น ชาติกำเนิดสี่ ภูมิวิถีหก ต่างยังทุกข์ทรมานอยู่

เมธีทุกท่านเคยทำการอุทิศส่วนบุญกุศลให้สรรพสัตว์หรือไม่

“ที่ในชาตินี้เราได้รับประทานเนื้อเวไนย”

ได้ทำการอุทิศส่วนบุญกุศลแก่เวไนยบ่อยๆหรือเปล่า หากมีเมธีที่อยู่ในครรภ์มารดาที่ทานเจ หลังคลอดก็ทานเจตลอดมา ถ้าเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องอุทิศส่วนบุญ เพราะไม่ได้ก่อกรรมในชาตินี้

แต่ในอดีตชาติที่ได้รับประทานเนื้อเวไนยมาจะทำอย่างไร หนี้กรรมที่ติดมาในชาตินี้ เมธีต้องคอยระวัง ถ้าเมธีปฎิบัติบำเพ็ญธรรมในอาณาจักรธรรมมาแล้วหลายปี และทำการอุทิศบุญกุศลอยู่ตลอด

ยิ่งถ้าได้อุทิศให้กับหนี้กรรมในอดีตชาติ ที่ได้รับประทานเนื้อเวไนย ก็จะเป็นการลบล้างหนี้กรรม และป้องกันเจ้ากรรมนายเวรตามทวงหนี้อันก่อให้เกิดอุปสรรคในการดำรงชีวิต

หากเจอเจ้ากรรมนายเวรตามทวงหนี้ ขนาดเบา เจ็บป่วย ถ้าหนักก็เสียชีวิต ในชาติหนึ่งมีชีวิตเดียว หากว่าจะชดใช้กรรมในอดีตชาติที่ตกค้างไว้ จะต้องใช้อีกกี่ชาติ จะสักกี่ชาติคงชดใช้ไม่จบสิ้น

ชาตินี้ทำการอุทิศส่วนบุญเพื่อลบล้างหนี้กรรม นี่คือเบื้องบนให้โอกาสครั้งยิ่งใหญ่กับเมธี ให้กับผู้ปฎิบัติบำเพ็ญในอาณาจักรธรรม ในการโปรดสามโลก เมธีทุกท่านจะต้องมีความมั่นใจ

เราพระพุทธกษิติครรภ์ อยู่ในยมโลกได้รับฏีกามากมาย ได้ลบล้างหนี้กรรมของเมธีทั้งหลายไปมากแล้ว แต่เมธีทุกท่านยังต้องระมัดระวังและจดจำไว้ ยังมีหนี้ของพวกท่านอีกจำนวนมาก ยังลบล้างไม่หมดสิ้น ดังนั้น จะต้องอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลอย่างต่อเนื่อง เพื่อลบล้างหนี้กรรมไปเรื่อยๆ เพราะอดีตชาติที่ได้ก่อหนี้กรรมไว้ไม่รู้สักเท่าไหร่

นอกจากรับประทานเนื้อเวไนยแล้วยังทำร้ายชีวิตคน ไม่รู้ว่าจะชดใช้ได้อย่างไร ดังนั้น ทุกเวลานาที มีจิตสำนึกขอขมาอยู่ตลอด สำนึกขอขมาที่อดีตชาติได้กระทำความผิดไว้ สำนึกขอขมาที่ในชาตินี้ได้กระทำความผิดไว้

วจีกรรมจะต้องระมัดระวัง วจีสุจริต แต่ละคำ แต่ละประโยคจะต้องตรึกตรองโดยรอบคอบก่อน แล้วจึงค่อยพูด ลองคิดตามคำพูดของตัวเองว่า ถ้าพูดออกมาแล้ว

จะให้ร้ายกับใครบ้างหรือเปล่า
จะทำให้อาณาจักรธรรมเสียหายหรือเปล่า
คำพูดนี้ไม่น่าจะพูดออกมาเลย

คำพูดแต่ละคำต้องระมัดระวังให้มาก ถ้อยคำเพียงคำเดียว หากพูดได้ดี สามารถสร้างชาติได้ หากพูดให้เสียหาย ก็ก่อให้เกิดสงครามทำลายไปหลายชาติ มีคำกล่าวว่า

หนึ่งคำพูดสร้างชาติ
หนึ่งคำพูดทำให้สูญเสียชาติ

ในอาณาจักรธรรม ธรรมกาลยุคขาว หนึ่งคำให้กำลังใจ ช่วยให้คนท้อแท้สูญเสียกำลังใจ กลับมามีความเชื่อมั่นอีก ทำให้หนทางการบำเพ็ญของเขาเต็มไปด้วยความหวัง มีความหวังในการเดินบนเส้นทางนี้ต่อไป นี่เท่ากับขยายต่อปัญญาญาณของผู้บำเพ็ญ

หากแต่หนึ่งคำพูด ทำให้เกิดความโกรธแค้น อาจทำให้การบำเพ็ญปัญญาญาณของเขาขาดไป ทำให้เขาหมดหวังกับอาณาจักรธรรม รู้สึกว่าอาณาจักรธรรมไม่อบอุ่น ไม่ให้ความสนใจ จึงเหินห่างอาณาจักรธรรม

คำพูดไม่ถูกใจเกิดความโกรธแค้น ทำให้การบำเพ็ญปัญญาญาณของคนอื่นขาดไป ทำให้เขาระเหเร่ร่อนไปบนเส้นทางเวียนว่าย บาปกรรมนี้หนักหนามาก ดังนั้น เมธีทุกท่านต้องระมัดระวังและเข้มงวดกับคำพูด ทุกอย่างจงคิดแล้วคิดอีก จึงค่อยพูดค่อยทำ คำที่จะกล่าวออกมา ควรตรองแล้วตรองอีก

กลับมาดูเดรัจฉานที่ยังเวียนว่าย…


เดรัจฉานหากได้เกิดเป็นเดรัจฉานอีก รู้ที่จะขอขมาบาป รู้ความผิดของตนเองที่ได้กระทำไปแล้ว หรืออดีตชาติได้ทำคุณความดีแห่งเหตุปัจจัยไว้ จึงมีโอกาสได้พบพระพุทธะช่วยแปรเปลี่ยน หรือได้พบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชี้ทางนำพา มีโอกาสเดินบนเส้นทางธรรม ได้บำเพ็ญธรรมสุทธิ ภายหลังกลายมาเป็นจำพวกอสูร

หลังจากเป็นอสูรแล้ว การบำเพ็ญยิ่งทุกข์ลำบากมากขึ้นเช่นกัน ต้องเหนื่อยใจตรากตรำแรงกาย ฝึกฝนบำเพ็ญตน เพื่อชำระล้างอนุสัยในจิตตนให้หมดไป คือการบำเพ็ญภายในยิ่งทุกข์ยากยิ่งขึ้น

หลังจากเป็นอสูรแล้ว เมื่อเทียบกับตอนเป็นเดรัจฉาน ยังมีโอกาสทำคุณความดีมากกว่า พูดถึงการบำเพ็ญจิตญาณยังโชคดีกว่าเดรัจฉานมาก แต่ระหว่างการบำเพ็ญขัดเกลาจิตญาณ ความลำบากเทียบกับคนไม่ได้เลย ตลอดเวลาจะต้องระมัดระวังไม่ให้อนุสัยของตนเองเกิดขึ้น เช่น

ความคิดชั่วร้ายเกิดขึ้นอยู่หรือเปล่า
ความอยากความต้องการเกิดขึ้นหรือเปล่า
มีความคิดที่ไม่เป็นปกติวิสัยหรือเปล่า

และยังต้องระวังอสูรอื่นมาหลอกลวง มาล่อให้หลง ล่อลวงไปในทางที่ผิด ดังนั้น ระหว่างการบำเพ็ญเหนื่อยยากลำบาก

ก่อนหน้านี้ได้พูดถึงตั๊กแตน ผู้ที่จะต้องไปเกิดเป็นตั๊กแตน คือ ระหว่างมีชีวิตอยู่ อิน-หยาง พลังธาตุทั้งห้าในร่างกายพาให้เป็นไประหว่างมีชีวิตเป็นคนเย็นชา โหดร้ายทารุณ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคน จิตใจเหี้ยมเกรียม ไม่มียางอาย ฆ่าคนไม่กระพริบตา อีกทั้งตลอดเวลาเตรียมฆ่าคนไว้เสมอ ดังนั้น จึงเกิดเป็นตั๊กแตน ให้ได้เป็นคุณลักษณะประจำของเดรัจฉาน

“ตลอดเวลาเตรียมพร้อมพกอาวุธ เตรียมพร้อมที่จะโจมตีแมลงชนิดอื่น”

นี่คือ สภาพนิสัยจำเพาะขณะมีชีวิต นำติดตัวมาเกิดเป็นเดรัจฉาน รวมเข้ากับพื้นฐานของเหตุปัจจัย จึงต้องขัดเกลาบำเพ็ญจะขอขมาบาปค่อนข้างยาก

เมธีทุกท่านยามเมื่ออยู่บ้าน เรามักจะเห็น ยุง แมลงวัน มด แมงมุม หนู สัตว์จำพวกนี้อาศัยอยู่ตามบ้านคน ใครเห็นเข้าก็เกิดความรังเกียจ ใช่หรือไม่ เกิดความขยะแขยงเป็นเรื่องปกติ มีใครบ้างเห็นแล้ว คิดอยากนำมาต้มกินแกงกิน สัตว์ที่อาศัยตามบ้านคนเหล่านี้ ทำให้เห็นแล้วเกิดความรังเกียจขึ้นทันที นี่เป็นเหตุต้นผลกรรมของสัตว์ ที่ทำให้เป็นไปตามนั้น

ขณะมีชีวิตอยู่ทำแต่สิ่งที่ร้ายที่สุด ดังนั้นจึงเกิดเป็นสัตว์ นำความคุมแค้นจากรอบด้านสู่ตัว ทุกคนเห็นแล้วต่างอยากกำจัด เห็นแล้วอยากฆ่าให้ตาย จึงเกิดยากำจัดแมลงขึ้น จึงมีการคิดค้นการบูรนำมาใช้

นี่คือ แมลงสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามครัวเรือน ขณะมีชีวิตผลสนองจากการก่อกรรมทำสิ่งชั่วร้าย นำมาบอกเมธีทุกท่าน เพื่อเกิดความหวาดเกรงคอยระมัดระวัง

ถึงแม้กลุ่มสัตว์กับมนุษย์ บางส่วนสั่งสมเกี่ยวกรรมที่ชั่วร้ายไว้ แต่ก็มีบางส่วนไม่มีเวรกรรมกันมาก่อน เมธี หากไม่รู้ว่าสัตว์เหล่านี้ อดีตได้ก่อเวรกรรมกันไว้หรือเปล่า

ดังนั้น ไม่ว่าสัตว์ชนิดใดก็ตาม เมธีทุกท่าน โปรดอย่าได้ฆ่าตามอำเภอใจ หรือใช้ยาฆ่าแมลงฆ่าทำลาย เพียงแค่ขับไล่ให้หนีไป แต่ขณะขับไล่ พยายามหาวิธีนุ่มนวล อย่าได้เกิดจิตที่โหดร้าย หรือใช้วิธีขับไล่ ทำให้เจ็บปวด จะก่อให้เกิดกรรมใหม่ขึ้น

ในกาลเวลาของการโปรดสามโลก เบื้องบนให้โอกาสกับเดรัจฉานที่จะได้แก้ตัว เมธีทุกท่าน ขอให้หมั่นขัดเกลาตนจนเกิดจิตเมตตา ถึงแม้แมงกับแมลงบางอย่างทำให้เกิดจิตรังเกียจขึ้น แต่เมธีจะต้องแปรเปลี่ยน ระงับความเกลียดชังและแค้นเคือง เป็นเพราะเคยถูกกลุ่มดังกล่าวนี้ ทำร้ายมาในอดีตชาติ จึงทำให้เมธีทุกท่านเห็นแล้ว อยากฆ่า

แมงกับแมลง เวไนยญาณยังไม่สมบูรณ์ จึงไม่สามารถตัดสินผิดถูกได้ แต่เมธีทุกท่านต่างมีธรรมญาณสมบูรณ์ ยังมีสติสัมปชัญญะอยู่ จึงตัดสินผิดถูกได้ เรามาปล่อยสัตว์เหล่านี้ ให้มีชีวิตอยู่ได้ นอกจากนั้น ยังอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เขาด้วย ช่วยให้เขาเหล่านั้นรวมญาณสมบูรณ์ได้เร็วขึ้น มีโอกาสได้กลับตัวเร็วขึ้น

เวไนยชาติกำเนิดสี่ อยู่ในสภาวะเวียนว่ายของกรรมสนอง น่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง และถูกบังคับอยู่ในร่างของเดรัจฉาน ดังนั้น กรรมที่สนองจึงยิ่งน่าสงสารเวทนา ตัวเองหมดปัญญาที่จะหลุดรอดได้

เมธีทุกท่านต้องตรึกตรองให้ดีๆ ลองคิดดู ทำไมเกิดเป็นเดรัจฉานแล้ว ตายไปยังต้องเวียนกลับมาเกิดเป็นเดรัจฉานอีก นั่นคือ สันดาน ทำให้เขาปฎิสนธิจิตเป็นเดรัจฉาน

ลองย้อนกลับมาคิด ตัวเองต้องกำจัดนิสัยความเคยชินที่ไม่ดีของตนเอง ไม่ควรมีความดุร้าย หากยังมีสิ่งที่ไม่ดีอยู่ในความเคยชินแล้ว ยังมีอะไรที่แตกต่างจากเดรัจฉานอีก มีเพียงร่างกายไม่เหมือนกัน รูปลักษณ์ไม่เหมือนกัน แต่นิสัยความเคยชินที่ไม่ดี หาแตกต่างกันไม่

เกิดเป็นคน ควรจะเข้าใจถึงคุณสัมพันธ์และคุณธรรม สัจธรรมของการโปรดสามโลก ความประพฤติของการเป็นคนดี กล่าววาจาอยู่ในทำนองคลองธรรม กิริยาท่าทางดี ตรึกตรองดี จึงไม่เกิดมาเสียเปล่า หากขาดซึ่งคุณสัมพันธ์และคุณธรรม ไม่มีจิตเมตตา มักคิดถึงแต่ความเหี้ยมโหด จิตใจดุร้าย มีอันใดแตกต่างกับเสือ สุนัข งูพิษ

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากใจ จิตใจเหี้ยมโหดก่อเกิดความดุร้าย สิ่งมีชีวิตในโลกนี้ที่มีรูปลักษณ์ รวมถึงเมธีทุกท่าน ชาติกำเนิดสี่ ต่างเป็นเวไนยที่มีอารมณ์ความรู้สึก ขึ้นอยู่กับการบำเพ็ญของแต่ละท่าน การแสดงออกของท่าน จะบ่งบอกถึงการบำเพ็ญ

ดังนั้น หากบำเพ็ญได้เป็นอย่างดี จะแสดงออกทางใบหน้า กิริยาอาการ การพูดจา แสดงอาการของคนมีเมตตา กิริยาท่วงท่าอ่อนโยน สุภาพเรียบร้อย กลับกัน หากในใจคำนึงถึงแต่ความโหดเหี้ยม หน้าตาที่แสดงออกและความประพฤติจะพิลึกพิลั่น

ขอให้เมธีทุกท่านยืนขึ้นอีกครั้ง ลองแสดงออกท่าทางและรับความรู้สึกของนกกำลังบินอีกครั้ง (นักเรียนในชั้นต่างขยับแขนทำท่านกกำลังบิน)

หากทุกคนไม่ทุ่มเทและเข้มแข็งในการบิน แต่กลับหยุดบิน จะถูกศัตรูจับกิน ดังนั้น จึงต้องบากบั่นในการบิน ขณะบินรู้สึกทุกข์ ไม่บินยิ่งทุกข์กว่า กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เดรัจฉานก็เป็นเช่นนั้นเอง จะตกอยู่ในสถานะไปหน้าก็ลำบาก ถอยหลังก็ลำบาก แต่คนกลับชื่นชมและอยากได้การโบยบินเหมือนนก อิสรเสรีสบายใจมีความสุข แต่หารู้ไม่ว่า พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในระหว่างถูกทำโทษ

นอกจากมือขยับแล้ว ตาต้องมองไปข้างหน้า มองตรงไปข้างหน้า ตาอย่ากระพริบ ไม่วางมือลง ขณะที่นกกำลังบิน ตาจะมองซ้ายขวา ตามองตรงเหมือนปลา ขณะหัวนกเคลื่อนขยับ มักจะเป็นการทำความสะอาดขน หรือบางครั้งเป็นการหาตัวหนอนหรือจุลินทรีย์ที่เกาะตามตัวนก และเกาแก้คัน

นกที่อพยพตามฤดูกาล เมื่อถึงฤดูหนาว ทางเหนืออากาศหนาวเหน็บ นกเริ่มอพยพลงสู่ทางใต้ นกเหล่านี้ต้องบินเป็นระยะทางยาวไกล ได้รับความลำบากทุกข์ทรมานต่างๆ นกเหล่านี้หากไม่อพยพลงใต้ จะได้รับความทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็น จึงจำต้องบินลงใต้ ไม่หยุดที่จะกระพือปีกบิน

คนชอบรับประทานไข่ปลา ไข่กุ้ง หรือสัตว์ที่เพิ่งเกิดใหม่ หากลูกตนเองมาอายุสั้นเช่นนี้ หรือเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เป็นพ่อแม่จะเจ็บปวดปานใด หรือว่าลูกที่อยู่ข้างกายเราถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดของการถูกพรากจากไป หากรู้จักความเจ็บปวดเช่นนี้แล้ว จึงต้องรู้ว่า การรับประทานสัตว์ที่เพิ่งเกิดแม้แต่ไข่สัตว์ ไข่ปลา ไข่กุ้ง ทำให้เกิดเวรกรรมตามสนอง

เอ้า! ดีแล้ว ทุกคนวางมือลง เชิญนั่ง อย่ารู้สึกว่าทรมาน อย่าบอกว่าเหนื่อย ได้รับความทรมานนิดหน่อย ได้รับความเหนื่อยบ้าง ให้เดรัจฉานชาติกำเนิดสี่ ให้เจ้ากรรมนายเวรได้เห็น ว่า พวกเราเข้าใจถึงความทุกข์ทรมานของพวกเขา เพื่อป้องกันพวกเขาเพิ่มความเคียดแค้น

เหตุเพราะว่าคนมิได้ขมาบาป มิได้แสดงความเสียใจที่ได้ทำผิด ไม่สำนึก ก่อให้เกิดการตามทวงหนี้กรรมเพิ่มขึ้นไม่หยุด ขณะหนี้กรรมติดตามทวงถึงเอาชีวิตกันได้ ดังนั้น จึงต้องหมั่นสำนึกคุณ มีจิตแสดงความเสียใจที่ได้ทำผิด ขอขมาสำนึกบาป เพื่อป้องกันพวกเขาเหล่านั้นยิ่งเพิ่มความเคียดแค้นมากขึ้น

หลังจากจบชั้นเรียนวันนี้แล้ว เมธีต้องอย่าลืมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ “ในชาตินี้ได้รับประทานเนื้อเวไนย” เผื่อว่า “ชาติที่แล้วได้รับประทานเนื้อเวไนย” เพื่อให้ชั้นเรียนในวันนี้สมบูรณ์

เราได้นำเจ้ากรรมนายเวรของพวกท่าน เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นชาติกำเนิดสี่มาอยู่ตรงนี้ ให้พวกเขาได้ฟังธรรม ให้พวกเขาได้เห็นเมธีทุกท่าน ให้เห็นถึงการขมากรรมว่าถึงระดับไหน เพื่อพวกเขาเหล่านั้น ได้ปล่อยวางจิตที่มีแต่ความเคียดแค้น ช่วยงานการโปรดสามโลกให้ก้าวหน้าต่อ มิต้องมาตามทวงหนี้กรรมอีก ยินดีรับบุญกุศลที่เมธีทุกท่านอุทิศให้ ดังนั้น จึงต้องมีจิตใจที่จะขมาบาป จึงจะละลายความแค้นของเขาเหล่านั้นได้

วันนี้เดรัจฉานมีโอกาสที่จะกลับตัว เป็นเพราะเบื้องบนนิรโทษ ปวงพุทธะต่างช่วยตักเตือน กล่อมเกลาจิตใจ และได้รับการอุทิศส่วนบุญกุศลจากมนุษย์ มิฉะนั้น จะต้องเวียนว่ายอีกร้อยชาติพันชาติ อีกสิบปี ร้อยปี พันปี จึงมีโอกาสได้รวมญาณตนเองได้ครบ ไม่รู้ว่าเดรัจฉานต้องเวียนว่ายไปอีกเท่าไหร่ จึงจะได้เกิดมาเป็นคน เวียนว่ายจนได้เกิดเป็นคน จึงมีโอกาสได้บำเพ็ญธรรม

ดังนั้น ในเวลานี้เป็นโอกาสยากที่จะพบได้อีก จะต้องได้รับความร่วมมือจากเมธีทั้งหลายร่วมช่วยกัน ปวงพุทธะคอยช่วย โดยที่เราจะมองไม่เห็น ช่วยในการกล่อมเกลา ถือโอกาสที่พระธรรมมารดา โปรดเมตตานิรโทษให้พวกเขาได้มีโอกาสรับส่วนบุญจากการอุทิศ ฟังหลักธรรมแล้วเข้าใจ จึงปล่อยวางความแค้นได้ ดังนั้น วิญญาณที่มองไม่เห็นกับคนเดิมที่เป็นมนุษย์ ต่างมีโอกาสได้กลับตัว

เราขอฝากโอวาทไว้ศึกษา ดังนี้

ปากไม่บริโภคเนื้อสัตว์ จะเกิดเจ็บป่วยเกิดโรคร้ายได้อย่างไร
ปากไม่ยินดีกับเนื้อสัตว์ ปลูกฝังจิตเมตตากรุณา มีคุณธรรม
ปากไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ จิตผ่องใสไม่มักมาก การบำเพ็ญราบรื่น
ปากไม่พูดเรื่องมิดีมิร้าย ไม่เกรงกลัวถูกการนินทากล่าวร้าย
ปากไม่พูดวาจาสกปรก มิจฉาวาจา มุสาวาจา วาจายกยอปอปั้น ปากร้ายด่าแช่ง ไม่กลัวการเกิดกรรมปาก


ระมัดระวังวาจาคำพูด ควรต้องระวัง อย่าทำให้ชีวิตการบำเพ็ญผู้อื่นเสียหาย


โดยเฉพาะวรรคสุดท้าย คือควรต้องระวัง


“อย่าทำให้ชีวิตการบำเพ็ญของผู้อื่นเสียหาย”

การทำให้ชีวิตบำเพ็ญผู้อื่นเสียหาย ผลที่ตอบสนองคือ เส้นทางการบำเพ็ญของเราลำบากยากเข็ญ ไม่ราบรื่น มีอุปสรรคมากมายทำให้บรรลุยาก เพราะเราไปทำให้การบำเพ็ญของคนอื่นขาดลง เขาย่อมเกิดความเจ็บแค้น สุดท้ายผลสนองก็กลับมาทำร้ายเรา ทำให้ชีวิตขาดจากการบำเพ็ญ

ดังนั้น เมธีต้องระมัดระวังคำพูด และวาจาเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่ง วาจาเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่ง พูดดี ส่งเสริมคนได้ พูดไม่ดี ให้ร้ายคนถึงตายได้ ดังนั้น หนึ่งวาจาส่งเสริมให้เป็นคนดีได้ หนึ่งวาจาทำลายให้เสียหายได้

วาจาเหมือนมีดเหมือนอาวุธ พูดกระทบกระเทียบ พูดเย้ยหยัน ทำให้คนไม่คิดอยากบำเพ็ญธรรม หากจิตคิดไม่อยากบำเพ็ญธรรมประกอบกับเจ้ากรรมนายเวรขัดขวาง ทำให้เขาหนีหายจากอาณาจักรธรรมได้

กลับมาพูดถึงเรื่องเดิม คือเหตุเพราะคำพูดของเรา ทำให้เขาเที่ยวออกระเหเร่ร่อน ดังนั้น ต้องระมัดระวังความโกรธแค้นเล้กๆน้อยๆ คำพูดเรื่องเล็กน้อยที่ขาดการระมัดระวัง

ชิงโข่ว ศีลเจบริสุทธิ์ คือ คำพูดที่พูดออกมาสะอาดหมดจด สิ่งที่รับประทานเข้าไปสะอาดบริสุทธิ์ เข้าสะอาด ออกบริสุทธิ์ ปากตนเองหมดจด ดังนั้น มโนคติจึงสะอาดบริสุทธิ์

ในทำนองเดียวกัน มโนคติของเราสะอาดบริสุทธิ์ จึงไม่ก่อเกิดวาจาที่ไม่ดี ดังนั้น กาย ใจ ความคิด ความสำนึก จะต้องบำเพ็ญให้สะอาดหมดจด เป็นไปโดยธรรมชาติ จะไม่มีคำพูดทำร้ายคนอื่น จะไม่พูดโดยไม่ระมัดระวัง นี่คือ ทางที่ทุกคนควรจะบำเพ็ญ

ถึงแม้การบำเพ็ญจะไม่ง่าย แก้ไขเปลี่ยนแปลงนิสัยยาก เหตุที่แก้ไขยาก จึงต้องบำเพ็ญแก้ไข ชาตินี้หากไม่ยอมบำเพ็ญแก้ไข จะไม่เป็นคนบำเพ็ญธรรมที่สมบูรณ์ ไม่เป็นคนชิงโข่วที่สมบูรณ์

คำพูดที่ออกจากปากไม่ใส่ใจระมัดระวัง ไม่สะอาดบริสุทธิ์ ไม่ใช่คำพูดที่ดีงาม หนี้เวรหนี้กรรมจะตัดขาดได้อย่างไร หนึ่งคำพูดทำให้คนฟังแล้วเสียดแทงหัวใจ ทนไม่ไหว นี่ก็เท่ากับได้เพราะเมล็ดพันธุ์ของเหตุต้นผลกรรมไว้แล้ว เป็นเหตุให้ลงสู่วัฎสงสาร

ถึงแม้เมธีทุกท่าน ปัจจุบันต่างอยู่ในอาณาจักรธรรม เป็นผู้บำเพ็ญยุคขาว ทำบุญกุศลลบล้างหนี้กรรมได้ แต่หากเหตุต้นผลกรรมเล็กๆน้อยๆ ยังไม่ตัดให้ขาด เมธีจะต้องสร้างบุญกุศลอีกเท่าไร จึงจะมาลบล้างหนี้กรรมได้ วาจาไม่สำรวมระมัดระวัง เมธีทุกท่านยิ่งจะต้องสร้างบุญกุศลมากๆ มาลบล้างกรรมปาก หากบวกลบดูแล้วได้ไม่เท่าเสีย “สัตว์น้ำมีมากมายมหาศาล เหตุใดจึงต้องมาเกิดเป็นสัตว์น้ำมากมายอย่างนี้ เพราะว่าได้สร้างกรรมปากไว้มาก จึงได้เกิดเป็นสัตว์น้ำ” คิดๆดู ทำไมสัตว์น้ำถึงมีเยอะอย่างนี้ ยิ่งทำให้ได้รู้ว่า มนุษย์ได้สร้างกรรมปากไว้มากเหลือเกิน

แมง แมลง มด ปลวก ฯลฯ หลังจากรวมญาณได้แล้ว จากนั้นจะต้องไปเกิดเป็นสัตว์น้ำ หรือเกิดในที่ชื้นแฉะ ต้องผ่านแต่ละด่าน แต่ละด่าน ต้องถูกลงโทษแล้วลงโทษอีก ไม่มีหยุด ถูกตัดหนี้กรรมไปเรื่อยๆ ไม่มีหยุด จึงจะรวมญาณได้สมบูรณ์

เมธีทุกท่าน ปัจจุบันนี้ท่านมีกายร่างและจิตญาณสมบูรณ์พร้อม ปากและมโนคติจะต้องหมดจด อย่าสร้างกรรมปากอีก มิฉะนั้น จะตกลงสู่นรกหรือเดรัจฉาน ตกลงสู่ข้างล่าง หมื่นกัปไม่สามารถกลับตัวได้ จะต้องจดจำไว้

เมธีทุกท่าน วันนี้ชั้นเรียนชิงโข่วปัน ความหมายที่แท้จริงของชิงโข่ว ขอให้ฟังให้ชัดเจน จัดการปากตนเองให้สะอาดหมดจด ให้จิตใจตนสะอาดบริสุทธิ์ จึงจะไปช่วยให้คนอื่นสะอาดบริสุทธิ์ได้

หากตนเองไม่สามารถทำให้ตนเองสะอาดหมดจดได้ คิดที่จะช่วยให้คนอื่นสะอาดบริสุทธิ์ คงไม่มีใครยอมรับ จงจดจำไว้ให้ดี

หนึ่งวันนี้ อย่าให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ขอให้ฟังเสียงจากใจของวิญญาณสามภพ ความทุกข์ของวิญญาณสามภพ จึงจะเข้าใจถึงความวิเศษของสามภพ และการปฎิบัติงานสามภพไม่ใช่เรื่องง่าย

เรา พระพุทธกษิติครรภ์ กราบลา
องค์มารดา

ขอให้วิญญาณคนเดิมฟังธรรมต่อ เราพระพุทธกษิติครรภ์แฝงกายอยู่ข้างๆ คอยดูเมธีทุกท่าน เกิดจิตสำนึกต่อเนื่อง ไม่ถอยห่างจากงานธรรม และไม่หน่ายเสียงร้องโอดครวญจากสามภพ


...................................................................................................................................................................

อ้างอิงแหล่งที่มาพระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระพุทธกษิติครรภ์
หัวข้อ ความหมายของชิงโข่ว ศีลเจบริสุทธิ์
http://board.palungjit.com/f13/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B9%8C-%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C-208303.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม